ผู้แต่งต้นฉบับ: เอนิโอลา

การแปลต้นฉบับ: CryptoLeo ( @LeoAndCrypto )

สัปดาห์ที่แล้ว ผมได้เขียนบทความเกี่ยวกับโครงการตลาดพยากรณ์ใหม่ ชื่อว่า "การทบทวนตลาดพยากรณ์ใหม่ในปี 2025 อย่างครอบคลุม (ตอนที่ 1) (ตอนที่ 2) " จุดเริ่มต้นคือ "โครงการใหม่ที่มีศักยภาพอาจสร้างผลกำไรให้กับผู้ใช้งานในช่วงแรก" อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโครงการตลาดพยากรณ์หลายโครงการยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ปริมาณการซื้อขายและสภาพคล่องจึงยังไม่เติบโต ทำให้โครงการเหล่านี้ไม่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการสร้างรายได้ในระยะเวลาอันสั้น

วันนี้เราจะมาแบ่งปัน กลยุทธ์การเก็งกำไรในตลาดแบบคาดการณ์ล่วงหน้าสำหรับเทรดเดอร์ระยะสั้น บทความนี้เขียนโดย Eniola และแปลโดย Odaily Planet Daily มีเนื้อหาดังนี้:

ทุกที่ที่มีตลาด ย่อมมีโอกาสในการเก็งกำไร (arbitrage) การเก็งกำไรอาจปรากฏให้เห็นเป็นสเปรดที่แคบลงหรือกว้างขึ้น ขึ้นอยู่กับประเภทของตลาด แต่สเปรดก็ยังมีอยู่เสมอ ตลาดการทำนายก็เช่นกัน ในตอนแรกสเปรดอาจดูน้อย แต่ด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสม ก็สามารถสะสมเป็นกำไรมหาศาลได้

ตลาดการทำนายคือแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายผลลัพธ์ของเหตุการณ์ในอนาคต โดยที่ราคาแสดงถึงความน่าจะเป็น หากราคาตลาดสำหรับการทำนายว่า "ใช่" อยู่ที่ 0.65 หมายความว่ามีโอกาส 65% ที่เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น ส่วนราคาสำหรับการทำนายว่า "ไม่ใช่" อยู่ที่ 0.35

เมื่อเหตุการณ์สิ้นสุดลง ราคาตลาดของผลลัพธ์ที่สอดคล้องกันอาจเพิ่มขึ้นเป็น 1 ดอลลาร์หรือกลับเป็นศูนย์ [0.65 + 0.35 = 1]

หากคุณยังใหม่ต่อตลาดการพยากรณ์ ฉันขอแนะนำให้คุณลองดูว่า ตลาดการพยากรณ์คืออะไรและทำงานอย่างไร : “ ประเภททางเทคนิคของตลาดการพยากรณ์: กลไกและการแลกเปลี่ยน ”

ฉันยังเขียนเกี่ยวกับกับดักทางความหมาย (การใช้ถ้อยคำที่ไม่ชัดเจนในคำถามการคาดการณ์เกี่ยวกับวิธีการกำหนดว่าเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นจริงหรือไม่) การใช้ถ้อยคำในเหตุการณ์การคาดการณ์เหล่านี้ค่อนข้างซับซ้อนและอาจส่งผลต่อการซื้อขายของคุณได้หากคุณไม่ได้อ่านอย่างละเอียด

สิ่งที่จำเป็นคือตลาดเฉพาะกลุ่มใหม่ที่แข็งแกร่งและแพลตฟอร์มแบบกระจายศูนย์ ไม่ใช่การลอกเลียนแบบโมเดลตลาดการคาดการณ์ที่มีอยู่เดิม นอกจากนี้ ตลาดใหม่ทุกแห่งที่เกิดขึ้นจะมีความไร้ประสิทธิภาพ และความไม่มีประสิทธิภาพก็เท่ากับการเก็งกำไร

เราต้องการตลาดคุณภาพสูงมากขึ้น ไม่ใช่เสียงรบกวนมากขึ้น หนึ่งในโครงการที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวคือ Opinion และผมได้แบ่งปันเหตุผลไว้ในบทความอื่นแล้ว

กลยุทธ์การเก็งกำไรของฉัน

ในบทความนี้ ฉันจะแบ่งกลยุทธ์การเก็งกำไรหลักในตลาดการทำนายที่ฉันคุ้นเคยออกเป็นสองระดับ:

เข้าใจง่าย: คุณจึงสามารถ "เข้าใจโดยสัญชาตญาณ" ได้โดยไม่ต้องคำนวณมากเกินไป

หลักฐานทางเทคนิค: วิธีนี้ช่วยให้คุณทราบว่าตัวเลขตรงกันจริงๆ

1. การเก็งกำไรข้ามตลาด

รูปแบบการเก็งกำไรนี้ได้ผลเมื่อสองแพลตฟอร์มกำหนดราคาอีเวนต์เดียวกันต่างกัน คุณซื้อ "ใช่" บนแพลตฟอร์มที่ราคา "ใช่" ต่ำกว่า และป้องกันความเสี่ยงโดยซื้อ "ไม่ใช่" บนแพลตฟอร์มที่ราคา "ใช่" สูงกว่า วิธีนี้จะทำให้คุณได้กำไรจากส่วนต่างของราคาโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์

ลองยกตัวอย่างตลาดการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์ก:

ใน Polymarket หุ้น "Yes" ของ Andrew Cuomo ซื้อขายอยู่ที่ 17.1 เซ็นต์ และหุ้น "No" ซื้อขายอยู่ที่ 83 เซ็นต์

ใน Kalshi ราคาของ "ใช่" ในตลาดเดียวกันคือ 16 เซ็นต์ และ "ไม่" คือ 85 เซ็นต์

หากคุณซื้อ "ใช่" บน Kalshi และป้องกันความเสี่ยงด้วย "ไม่" บน Polymarket:

ใช่ (B) + ไม่ใช่ (A) = 0.16 + 0.83 = $0.99

ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถใช้จ่าย 99 ดอลลาร์เพื่อให้ได้กำไร 100 ดอลลาร์โดยไม่มีความเสี่ยง 1%

หมายเหตุ: คุณอาจคิดว่ากำไร 1% นั้นต่ำเกินไป แต่อย่าหลงเชื่อสิ่งที่เห็นภายนอก ในการเทรดแบบอาร์บิทราจ แม้ส่วนต่างของราคาเพียงเล็กน้อยก็สามารถสะสมเป็นกำไรมหาศาลได้จากการทำซ้ำหรือขยายตลาด

บางครั้ง การกำหนดราคาผิดพลาดอาจรุนแรงกว่านั้น ตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำ ตลาดที่เน้นความสนใจ หรือตลาดที่มีหลายผลลัพธ์ สามารถสร้างสเปรดได้ 5% ถึง 10% หรือมากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่คุณควรคำนึงถึง

2. การเก็งกำไรตามเวลา (ซื้อเร็วหรือซื้อช้า)

ตลาดบางแห่งมีการคาดการณ์ล่วงหน้าเร็วเกินไป โดยเฉพาะการคาดการณ์ทางการเมือง เช่น การตั้งราคาผู้สมัครสูงเกินไปก่อนการโต้วาที เมื่อเวลาผ่านไปและเหตุการณ์จริง ราคามักจะลดลง แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม หากคุณซื้อหรือป้องกันความเสี่ยงในเวลาที่เหมาะสม คุณจะสามารถทำกำไรจากการกำหนดราคาใหม่นี้ได้

นี่เป็นเรื่องปกติมากในตลาดการเลือกตั้ง ตัวอย่างเช่น หากการโฆษณาเกินจริงทำให้โอกาสที่ผู้สมัคร A จะชนะการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นเป็น 70% ในเดือนมิถุนายน เมื่อถึงเดือนกันยายน โอกาสดังกล่าวอาจลดลงเหลือระหว่าง 50% ถึง 60%

ดังนั้น หากคุณซื้อหุ้น "ไม่" ในช่วงที่กระแสตอบรับดีสุด คุณก็จะทำกำไรได้ เคล็ดลับคือต้องเข้าใจว่าราคาในช่วงแรกมักจะทำให้ราคาจริงสูงเกินจริง และหากราคาหุ้นถูกประเมินค่าสูงเกินจริงก่อนกำหนด สิ่งนี้จะเห็นได้ชัดมาก

กลยุทธ์ทางเทคนิค:

สมมติว่าคุณซื้อ "ไม่" ที่ราคา 0.3 ต่อมาราคา "ใช่" จะลดลงเหลือ 0.5

ป้องกันความเสี่ยง: ขายที่ 0.5 และล็อคที่ 50 ดอลลาร์

หากขนาดการซื้อขายของคุณใหญ่พอ คุณสามารถล็อกสเปรดที่ปราศจากความเสี่ยงได้ระหว่าง 0.30 ถึง 0.50 ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วก็คือการซื้อขายแบบ Mean Reversion ในตลาดคาดการณ์ เหมือนกับการซื้อหุ้นที่โฆษณาเกินจริง โดยรู้ว่าราคาหุ้นนั้นจะต้องปรับขึ้นอย่างแน่นอน

3. การประมวลผลเหตุการณ์แบบอนุญาโตตุลาการ

บางครั้งแพลตฟอร์มบางแห่งอาจประมวลผลธุรกรรมได้เร็วกว่า (หรือแตกต่างกัน) กว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ หากคุณรู้ว่าตลาดหนึ่งจะตั้งตัวอย่างไรก่อนตลาดอื่น คุณก็สามารถซื้อขายล่วงหน้าได้

ตัวอย่าง:

การคาดการณ์ "SpaceX จะปล่อยจรวดก่อนเดือนกันยายนหรือไม่" บน Polymarket ได้รับการดำเนินการอย่างรวดเร็วหลังจากการปล่อยจรวด แต่คำสั่งซื้อของ Kalshi ยังคงล่าช้าอยู่ ก่อนที่ Kalshi จะอัปเดต คุณสามารถซื้อตัวเลือก "ใช่" ได้ในราคาที่ถูกกว่า

นี่คือการเก็งกำไรแบบแฝง คุณกำลังเดิมพันบนช่องว่างข้อมูล ดังนั้นหากคุณติดตามข้อมูลแบบเรียลไทม์อย่างต่อเนื่อง (เช่น ผลการเลือกตั้ง คำตัดสินของศาล กิจกรรมกีฬา) คุณก็สามารถก้าวข้ามแพลตฟอร์มที่ช้ากว่าได้อย่างง่ายดาย

4. การเก็งกำไรสภาพคล่อง

การมีคำสั่งซื้อขายที่น้อยหรือการเก็งกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันอาจทำให้ราคาบิดเบือนได้ หากมีการซื้อขายครั้งใหญ่เกิดขึ้น อาจทำให้ราคาหุ้นขยับออกจากความเป็นจริงได้ อย่างน้อยก็ชั่วคราว

ตัวอย่างเช่น หากเหตุการณ์เบี่ยงเบนไปจากสถานการณ์จริงอันเนื่องมาจากธุรกรรมขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน คุณสามารถซื้อหมายเลข ปิดสถานะและทำกำไรหลังจากแก้ไขสถานการณ์จริง

5. การตัดสินโดยนัย/ออราเคิล

เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน และถ้าคุณได้อ่านบทความของผมเกี่ยวกับกับดักความหมาย (Semantic Traps) คุณจะเข้าใจสิ่งที่ผมหมายถึงและวิธีสังเกต มันเป็นเรื่องของการตีความของออราเคิลและมุมมองของเทรดเดอร์ หากคุณสามารถคาดการณ์หรือเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าออราเคิลตีความมันอย่างไร คุณก็สามารถใช้ประโยชน์จากอัตราต่อรองที่ตีราคาผิดได้ ลดการใช้คณิตศาสตร์ลง เพิ่มกฎ/ข้อความในการเก็งกำไร

ความจริงก็คือกลไกการทำนายตลาดในปัจจุบันยังไม่สมบูรณ์แบบและมีประสิทธิภาพ ในตลาดมักจะมีช่องว่างเล็กๆ อยู่เสมอ หน้าที่ของคุณคือการค้นพบช่องว่างเหล่านั้น ใช้ประโยชน์จากช่องว่างเหล่านั้น แล้วปล่อยให้ดอกเบี้ยทบต้นทำงาน

ความแตกต่าง 5% ทบต้น 20 เท่า จะเพิ่มขึ้น 2.65 เท่า

ความแตกต่าง 10% ทบต้น 20 เท่า จะเพิ่มขึ้น 6.7 เท่า

เครื่องมือการเก็งกำไร

กลยุทธ์ข้างต้นส่วนใหญ่สามารถทำได้ด้วยตนเองหากคุณมีความเฉียบแหลมและอดทนเพียงพอ อย่างไรก็ตาม สาขานี้กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และมีเครื่องมือใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ผมขอแนะนำเครื่องมือ arbitrage ที่เหมาะสมอีกสองรายการ:

1. DK เปิดตัวพร็อกซีที่สามารถวิจัยตลาด วิเคราะห์ความผันผวน และแม้แต่ระบุโอกาสในการทำ Arbitrage ขับเคลื่อนโดย Kalshi ปัจจุบันเปิดให้ผู้ทดสอบเบต้าส่วนตัวเข้าร่วม ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมรายการรอรับข้อมูลทางอีเมลและลงทะเบียนบัญชีหลังจากได้รับการยอมรับ

2. ArbX : เครื่องมือแบบชำระเงินที่สามารถค้นหาความแตกต่างของราคาของกิจกรรมเดียวกันบนแพลตฟอร์มเช่น Kalshi และ Polymarket