เหรียญมีมเป็นการกลับมาของปรากฏการณ์ Wall Street Bets หรือไม่?

ผู้เขียนต้นฉบับ: Unchained

ข้อความต้นฉบับเรียบเรียงโดย: Peyton, SevenUp DAO Returnees Union

Nathaniel Popper เพิ่งตีพิมพ์หนังสือเล่มใหม่ The Trolls of Wall Street ซึ่งสำรวจปรากฏการณ์ของ Wall Street Bets สิ่งที่น่าสนใจคือหนังสือของเขาได้รับการตีพิมพ์ในช่วงเวลาที่ความคลั่งไคล้เหรียญ Meme ในปัจจุบันในพื้นที่ของสกุลเงินดิจิทัลนั้นคล้ายคลึงกันอย่างน่าขนลุก ในตอนนี้ Popper จะมาสำรวจชุมชนการลงทุนออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น เช่น Wall Street Bets และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในวงกว้างที่สะท้อนให้เห็น โดยเฉพาะในหมู่ชายหนุ่ม นอกจากนี้เขายังสัมผัสถึงความคล้ายคลึงกันระหว่างวัฒนธรรมการล้อเล่นในชุมชนเหล่านี้กับการเพิ่มขึ้นของบุคคลสำคัญอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ และเจาะลึกถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นและผลกระทบทางจิตวิทยาของมีมในการลงทุนสมัยใหม่

หมายเหตุผู้แปล: Wall Street Bets (WSB) เป็นฟอรัมย่อยใน Reddit ที่พูดคุยเรื่องหุ้น การซื้อขายออปชัน และกลยุทธ์ตลาดการเงินเป็นหลัก ฟอรัมนี้ขึ้นชื่อในด้านวิธีการลงทุนที่กล้าหาญและความท้าทายต่อตลาดการเงินแบบดั้งเดิม ซึ่งดึงดูดนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากให้เข้าร่วม โดยทั่วไปแล้ว สมาชิก WSB จะหารือเกี่ยวกับการซื้อขายที่มีความเสี่ยงสูงและให้ผลตอบแทนสูง เช่น การซื้อหุ้นที่มีความผันผวนสูงและการซื้อขายออปชั่น ฟอรัม WSB มักถูกมองว่าเป็นวัฒนธรรมการลงทุนทางการเงินที่ "ต่อต้านแบบดั้งเดิม" เนื่องจากสมาชิกชุมชนส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายย่อยมากกว่านักลงทุนสถาบันแบบดั้งเดิมหรือผู้ค้ามืออาชีพ ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในการผลักดันการแกว่งของราคาที่ผิดปกติในหุ้นบางตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแกว่งอย่างดุเดือดของหุ้น GameStop (GME) ในต้นปี 2564

เปลี่ยนจากการลงทุนตามพื้นฐานทางการเงินแบบเดิมๆ มาเป็นการลงทุนตามแนวคิด

Laura Shin: คุณเปิดตัวหนังสือเล่มใหม่เกี่ยวกับ Wall Street Bets ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีเยี่ยมเมื่อพิจารณาจาก Roaring Kitty (@TheRoaringKitty) ได้กลับมาบนโซเชียลมีเดียเมื่อเร็ว ๆ นี้ และเรายังเห็นความนิยม memecoin ของ Solana อย่างเต็มกำลังอีกด้วย ฉันรู้ว่าปรากฏการณ์ Wall Street Bets ครอบงำจิตสำนึกสาธารณะเมื่อสองสามปีก่อน แต่จากหนังสือของคุณก็ชัดเจนว่าพลังเดียวกับที่สร้างปรากฏการณ์นี้ยังคงมีอยู่

นาธาเนียล ป๊อปเปอร์: ใช่ พลังเหล่านั้นยังคงมีอยู่จนทุกวันนี้

ลอร่า ชิน: ใช่ ดังนั้นให้พูดถึงสิ่งที่คุณคิดว่าเป็นตัวขับเคลื่อนปรากฏการณ์นี้ และวิธีที่มันยังคงอยู่ในวัฒนธรรมของเรา

Nathaniel Popper: คุณรู้ไหม ฉันเคยพูดถึงสกุลเงินดิจิทัลมาก่อน หนังสือเล่มสุดท้ายของฉันคือ Digital Gold ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของ Bitcoin ในหนังสือเล่มนี้ ฉันอยากจะย้อนกลับไปดูปรากฏการณ์ทั้งหมดของเงินออนไลน์—โลกใหม่นี้ซึ่งรวมถึงสกุลเงินดิจิทัล ตลาดหุ้น ตลาดออปชั่น และอื่นๆ อีกมากมาย ตลาดสกุลเงินดิจิตอลแพร่กระจายไปทุกทิศทุกทาง และฉันสนใจในแง่มุมทางสังคมวิทยาของมัน - โลกแห่งการลงทุนและการซื้อขายที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว ฉันอยากจะเข้าใจที่มาของปรากฏการณ์เหล่านี้ งานวิจัยในอดีตของฉันเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลมีประโยชน์มากในเรื่องนี้ เพราะฉันคิดว่าแนวคิดที่ก่อตัวขึ้นจากมีมและชุมชน และการลงทุนตามแนวคิดและศักยภาพในการเก็งกำไรมากกว่าพื้นฐานทางการเงิน ซึมซาบไปทั่วทั้งชุมชน แนวทางการลงทุนนี้จะเห็นได้ชัดเจนมากเมื่อคนหนุ่มสาวลงทุนในหุ้นและสกุลเงินดิจิทัล ฉันสนใจมากว่าโลกมีผลกระทบต่อกันและกันอย่างไร โดยสกุลเงินดิจิทัลส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น และตลาดหุ้นส่งผลกระทบต่อสกุลเงินดิจิทัลและตลาดออปชั่น ผู้คนมักมองปรากฏการณ์เหล่านี้แคบเกินไป โดยคิดว่าหุ้นมีม, Bitcoin และเหรียญมีมนั้นแยกจากกัน แต่ฉันคิดว่านี่เป็นโลกใหม่ของเงินออนไลน์ที่ผู้คนกำลังสำรวจและผู้คนกำลังสร้างชุมชนใหม่ทางออนไลน์

ชายหนุ่มที่มีสกุลเงินดิจิทัลและชุมชนการเงินออนไลน์

ลอร่า ชิน: สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจในตอนต้นของหนังสือของคุณคือการที่คุณวางกิจกรรมนี้ไว้ในบริบทของบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไปของชายหนุ่มในสังคมอเมริกัน ตอนแรกฉันรู้สึกประหลาดใจและไม่เข้าใจว่าคุณสรุปเช่นนั้นได้อย่างไร แต่เมื่อฉันอ่านและฟังผู้ก่อตั้งมากขึ้น ทุกอย่างก็สมเหตุสมผลมากขึ้น คุณช่วยพูดถึงข้อโต้แย้งของคุณสักเล็กน้อยได้ไหม? คุณคิดว่าการเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์เดียวกันนี้มีอิทธิพลต่อการเพิ่มขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลหรือไม่ เพราะเหตุใด

นาธาเนียล ป๊อปเปอร์: ฉันดีใจที่คุณถาม ฉันคิดว่านี่เป็นจุดที่รู้เพียงเล็กน้อย พูดอย่างกว้างๆ ชายหนุ่มในอเมริกากำลังเผชิญกับความท้าทาย สังคมของเรากำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของความเหงา โดยผู้คนใช้เวลาออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายหนุ่มมักไม่เชื่อในอำนาจที่จัดตั้งขึ้นและแหล่งความจริงแบบดั้งเดิม ความสงสัยนี้เด่นชัดโดยเฉพาะในพื้นที่ของสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งหลายคนรู้สึกแปลกแยกจากวัฒนธรรมกระแสหลักและโลกการเงิน พวกเขากำลังมองหาจุดมุ่งหมายและความรู้สึกถึงตัวตน

เมื่อเขียนเกี่ยวกับ Bitcoin ฉันเห็นว่าผู้ที่รับเอา Bitcoin ในยุคแรกๆ จำนวนมากเป็นชายหนุ่มที่รู้สึกว่าถูกตัดขาดจากโลกกว้าง และกำลังมองหาความหมาย อำนาจ และอิทธิพล ความปรารถนาในตัวตนและความหมายนี้มักจะพบคำตอบในสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งบางครั้งก็อธิบายด้วยเงื่อนไขที่คล้ายกับศาสนาด้วยซ้ำ หลายๆ คนที่เข้าร่วมชุมชนออนไลน์เหล่านี้เข้าร่วมเพราะพวกเขารู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไปในชีวิตจริง

ชุมชนการเงินออนไลน์นี้ถูกครอบงำโดยผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ แนวคิดความเป็นชายแบบดั้งเดิมซึ่งอาจถูกระงับในโลกภายนอก จะหาพื้นที่ที่จะเติบโตที่นี่ เป็นชุมชนที่ก้าวหน้าซึ่งมีการแสดงคุณค่าความเป็นชายแบบดั้งเดิมอย่างอิสระ นี่ไม่ได้อธิบายทุกอย่างผิดอย่างสมบูรณ์กับการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลหรือหุ้นมีม แต่มันตอบสนองแรงกระตุ้นพื้นฐานภายในชายหนุ่มเหล่านี้

ลอร่า ชิน: ฉันเข้าใจสิ่งที่คุณหมายถึงโดยสิ้นเชิง ตอนแรก ฉันคิดว่าหนังสือของคุณเป็นเพียงเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่ Wall Street Bets อย่างไรก็ตาม ในคำนำ คุณพูดถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรศาสตร์ที่มีต่อชายอเมริกัน ซึ่งในตอนแรกทำให้ฉันสับสน อย่างไรก็ตาม ขณะที่ฉันอ่านต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฟอรัมที่พวกเขาพูดคุยถึงชีวิต ความเชื่อทางการเมือง และความคิดเห็น ทุกอย่างก็เริ่มสมเหตุสมผล

นาธาเนียล ป๊อปเปอร์: ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พบว่าชายหนุ่มตามหลังเพื่อนผู้หญิงในด้านต่างๆ เช่น การศึกษาและรายได้ แม้ว่าผู้ชายยังคงมีตำแหน่งที่มีอำนาจอยู่หลายตำแหน่ง แต่สิ่งนี้กำลังเปลี่ยนแปลงไปในกลุ่มคนรุ่นใหม่ การผูกสิ่งนี้เข้ากับการเพิ่มขึ้นของชายหนุ่มในการลงทุนและสกุลเงินดิจิทัลเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในโลกแห่งการลงทุน ชายหนุ่มมีอยู่เกือบทุกที่

การเชื่อมโยงระหว่างการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมเหล่านี้กับโลกการเงินมีความซับซ้อน แม้ว่าจะไม่ใช่คำอธิบายเพียงอย่างเดียว แต่ก็ยากที่จะไม่เห็นความเชื่อมโยงเมื่อสำรวจเรื่องราวส่วนตัวที่เกี่ยวข้อง หลายๆ คนแสวงหาโลกออนไลน์นี้เพื่อเติมเต็มช่องว่างในชีวิตจริง ตัวอย่างเช่น หนึ่งในตัวละครหลักในหนังสือของฉันคือคนติดเหล้าที่ค้นพบโลกใหม่ในชุมชนออนไลน์เหล่านี้

ลอร่า ชิน: ฉันไม่คิดว่าคุณจะพูดเกินจริง ฉันประหลาดใจมากที่เห็นมันเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในวงกว้างเช่นนี้ แน่นอนว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องหารือเกี่ยวกับสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์นี้ และเราจะกล่าวถึงปัจจัยอื่นๆ ในอีกสักครู่

การออกแบบและการโต้เถียงของ Robinhood

ลอร่า ชิน: นาธาเนียล ในหนังสือของคุณ คุณบรรยายถึงการผงาดขึ้นของ Robinhood และวิธีที่มันขับเคลื่อนกิจกรรมนี้ ส่วนหนึ่งมาจากตัวเลือกการออกแบบบางอย่างของ Robinhood ซึ่งอาจส่งผลให้นักลงทุนรายย่อยขาดทุนมากขึ้น คุณสามารถอธิบายตัวเลือกเหล่านี้โดยละเอียดและพูดคุยเกี่ยวกับวิธีที่คุณคิดว่าสิ่งนี้อาจส่งผลกระทบหรือส่งผลกระทบต่อสกุลเงินดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงความนิยมของสกุลเงินดิจิทัลใน Robinhood ในขณะนี้

Nathaniel Popper: Robinhood เปิดตัวในช่วงปลายปี 2014 ในช่วงที่ Bitcoin บูมในปี 2013 ถึง 2014 เมื่อ Bitcoin มีมูลค่าสูงถึง 1,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรก หลายคนที่พูดถึง Robinhood ในฟอรัม Wall Street Bets ได้ทำเงินหรือสูญเสียเงินจากสกุลเงินดิจิทัล หรือเคยเห็นเพื่อนรวยในปี 2013 และไม่อยากพลาดสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อไป สิ่งนี้กระตุ้นให้เกิด FOMO ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน เนื่องจากคนธรรมดาทั่วไปร่ำรวยจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของ Bitcoin

ในขณะนั้น Robinhood เป็นแอปที่เรียบง่ายซึ่งในตอนแรกมีให้บริการบน iPhone เท่านั้น โดยจะดึงแผนภูมิ ข้อมูล และการวิเคราะห์ทั้งหมดที่ได้รับจากโบรกเกอร์แบบเดิมออก เหลือเพียงแผนภูมิราคาและปุ่ม "ซื้อ" สีเขียวขนาดใหญ่ นักออกแบบต้องการให้เป็นเหมือน Tinder หรือ Uber ซึ่งคุณสามารถซื้อหุ้นได้ด้วยการปัดเพียงครั้งเดียว นี่เป็นหนทางไกลจากวิธีการทำงานของนายหน้าก่อนหน้านี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายขั้นตอน คำเตือน และการพิมพ์อย่างละเอียดที่ทำให้ข้อตกลงดูเหมือนไม่สามารถเข้าถึงได้

ความเรียบง่ายของ Robinhood ทำให้การลงทุนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เมื่อคุณซื้อหุ้น จะมีเอฟเฟกต์ลูกปาและเสียงดิ๊งดอง ทำให้คุณได้รับโดปามีนเพิ่มขึ้น หลายๆ คนกำลังพูดถึง Robinhood ที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการซื้อขาย แต่ตัวเลือกการออกแบบก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้การซื้อขายดูเหมือนง่ายและเข้าถึงได้ และดึงดูดนักลงทุนรุ่นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม มีบางคนวิพากษ์วิจารณ์ Robinhood ที่ทำให้การลงทุนง่ายเกินไป ตามเนื้อผ้า การลงทุนควรเป็นการตัดสินใจที่มีเหตุผลโดยคำนึงถึงสถานะทางการเงินของบริษัท ความผันผวนของราคาที่อาจเกิดขึ้น และกระแสเงินสด Robinhood ละทิ้งสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดและเปลี่ยนแนวทางปรัชญาในการซื้อขายและการลงทุน แนวทางใหม่นี้เติบโตขึ้นอย่างมากตั้งแต่ปี 2558 จนกระทั่งเกิดการระบาดของโควิด-19 ซึ่งในที่สุดก็รู้สึกเหมือนได้ครอบงำตลาดทั้งหมด

อันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากมีมในการลงทุนยุคใหม่

Laura Shin: ฉันอยากจะถามคุณอีกครั้งเกี่ยวกับบทบาทของมีมในการลงทุนในหนังสือของคุณ ภายในสกุลเงินดิจิทัล เราได้เห็นเหรียญมีมเป็นตัวแทนของนักแสดงที่เก่งที่สุด แต่นักวิจารณ์มักเยาะเย้ยพวกเขาว่าโง่หรือฉ้อโกง จากการวิจัยของคุณเกี่ยวกับ Wall Street Bets และหุ้นมีมที่พวกเขาลงทุน คุณคิดว่าคุณค่าของมีมคืออะไร อะไรคือความเข้าใจของนักลงทุนรายย่อยเกี่ยวกับหุ้นมีมหรือเหรียญมีมที่แตกต่างจากสิ่งที่นักลงทุน "จริงจัง" อาจมองข้ามไป?

นาธาเนียล ป๊อปเปอร์: นี่เป็นคำถามที่ซับซ้อนและน่าสนใจมาก แนวโน้มการลงทุนที่ซ่อนอยู่ในมีมนั้นเต็มไปด้วยอันตราย การสูญเสียจากการลงทุน และเรื่องราวสะอื้น ทุกหุ้นและสกุลเงินดิจิทัลมีปัจจัยมีมในระดับหนึ่ง การลงทุนเกี่ยวข้องกับการทำความเข้าใจบริษัทและชุมชนที่บริษัทเป็นตัวแทนอยู่เสมอ แม้ว่าเราจะไม่เรียกมันว่า "มีม" แต่การลงทุนทางจิตวิทยาด้านนี้ก็ยังอยู่ที่นั่นเสมอ

ฉันคิดว่าการนำ memes มาสู่การลงทุนเริ่มต้นขึ้นในโลกของสกุลเงินดิจิตอล โดยเน้นว่าภาษาเชื่อมโยงเราทางออนไลน์อย่างไร โซเชียลมีเดียเต็มไปด้วยชุมชนที่มีคุณค่า แต่เดิมทีเราไม่สามารถได้รับประโยชน์โดยตรงจากชุมชนเหล่านั้นได้ Meme เปลี่ยนแปลงสิ่งนี้โดยการสร้างรายได้จากแนวคิดของชุมชนและอัตลักษณ์

มีมกล่าวถึงสิ่งพื้นฐานที่มีอยู่ในการลงทุนมาโดยตลอด: คุณลงทุนในบริษัทที่ไม่ใช่แค่เพราะงบดุล แต่เพราะสิ่งที่แสดงถึงมูลค่า Meme ย่อความคิดนี้ให้อยู่ในรูปแบบที่บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นและเปลี่ยนให้เป็นทรัพย์สิน อย่างไรก็ตาม ยิ่งคุณพึ่งพามีมมากกว่าเนื้อหาทางการเงิน การลงทุนที่มีการเก็งกำไรและอันตรายก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

ปัญหาสำคัญคือชุมชนที่ส่งเสริมเหรียญมีมมักจะยกระดับชื่อเสียงของผู้ที่ยืนหยัดที่จะได้รับผลประโยชน์สูงสุด ดังนั้นจึงไม่สนใจผู้ที่สูญเสียเงินทุน สิ่งนี้เห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการกระทำเช่น Elon Musk ที่เกี่ยวข้องกับ Dogecoin, Bitcoin และแม้แต่หุ้นของเขาเอง โซเชียลมีเดียขยายเสียงของผู้ที่ทำเงินและปิดบังความสูญเสียที่ผู้อื่นประสบ ความไม่สมดุลนี้ก่อให้เกิดอันตรายอย่างมากเนื่องจากเรามักจะมองข้ามผู้ที่ลงเอยด้วยการสูญเสียเงินในสถานการณ์ที่คาดเดาไม่ได้เหล่านี้

ความสัมพันธ์ของทรัมป์กับชุมชนสกุลเงินดิจิทัล

ลอร่า ชิน: คุณมีเรื่องราวที่คล้ายกันในหนังสือของคุณ ฉันต้องถามเกี่ยวกับทรัมป์เพราะหลายสิ่งที่คุณพูดถึงในหนังสือเล่มนี้กลับกลายเป็นข่าวอีกครั้ง ทรัมป์ยอมรับ Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลในระหว่างการหาเสียงของเขา ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับวาระก่อนหน้าของเขาในฐานะประธานาธิบดีเมื่อเขากล่าวว่า "Bitcoin เป็นการฉ้อโกงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ" ขณะนี้ ส่วนหนึ่งของชุมชน crypto กำลังสนับสนุน Trump ในขณะที่เขาเริ่มชนะใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน crypto คุณจะพบความคล้ายคลึงกันระหว่างการเปลี่ยนแปลงของ Wall Street Bets สู่ Trump และการเปลี่ยนแปลงของชุมชน crypto สู่ Trump ในปัจจุบันหรือไม่

Nathaniel Popper: สำหรับฉันแล้วดูเหมือนว่าส่วนใหญ่ของโลกการลงทุนออนไลน์รูปแบบใหม่นี้คือการหลอกลวงเป็นหลัก นั่นเป็นสาเหตุที่คำว่า "โทรลล์" ปรากฏในชื่อเรื่อง ฉันไม่ได้ใช้คำที่ดูถูกโดยสิ้นเชิง เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนที่มองตัวเองว่าเป็นคนเล่นแผลงๆ คุ้มค่าที่จะหยุดคิดว่าเรื่องล้อเลียนคืออะไร: จักรวาลที่ทุกสิ่งดูเหมือนเป็นเรื่องตลก เมื่อทรัมป์ประกาศผู้สมัครชิงตำแหน่งของเขา มันดูเหมือนเป็นเรื่องตลก และคนส่วนใหญ่ก็ปฏิบัติต่อมันแบบนั้น แต่ภายใต้ผิวเผินของเรื่องตลกนั้น เขาได้สร้างบางสิ่งที่ลึกลงไปในใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันจำนวนมาก เขาเต็มใจพูดในสิ่งที่ไม่มีใครกล้าพูด และผู้คนก็อยากได้ยิน

ท่าทางนี้ทั้งจริงจังและขี้เล่น มีอยู่ใน Bitcoin, Trump และ GameStop ตั้งแต่ต้น เป็นเรื่องง่ายที่จะหลงอยู่ในหนังตลกผิวเผินและเพิกเฉยต่อสิ่งที่โดนใจผู้คนจริงๆ นี่เป็นเรื่องจริงสำหรับ Bitcoin, Trump และ GameStop ผู้คนมักจะมองว่ามันเป็นเรื่องตลก แต่พวกเขากลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะมีบางสิ่งที่ลึกกว่าอยู่เบื้องหลังพวกเขา

แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะประสบความสำเร็จก็มักจะถูกมองข้ามไป Bitcoin ประสบความสำเร็จในปี 2013 และ 2014 โดยมีราคาสูงถึง 1,000 ดอลลาร์ แต่เมื่อราคาลดลง ผู้คนกลับคิดว่าอาจถูกมองข้ามไป ทรัมป์ก็ทำเช่นเดียวกันหลังจากวันที่ 6 มกราคม 2021 และ GameStop ก็ทำเช่นเดียวกัน เชื่อกันว่าปรากฏการณ์เหล่านี้สามารถถูกเพิกเฉยได้หลังจากเกิดความบ้าคลั่งครั้งแรก แต่หลายปีต่อมา เหตุการณ์เหล่านี้ยังคงมีความสำคัญ มีบางสิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้นซึ่งโดนใจผู้คน และนั่นคือแก่นแท้ของการหมุนรอบ

ไม่ว่าทรัมป์จะยอมรับหรือไม่ก็ตาม เขามีหลายอย่างที่เหมือนกันกับความคิดของชุมชน Wall Street Bets พวกเขามองว่าเขาเป็นหนึ่งในพวกเขาเอง คนที่สามารถสร้างความประหลาดใจและเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา การมีอารมณ์ขันและความตั้งใจจริงจังพร้อมกันนี้มีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อวัฒนธรรมของเรา

ลอร่า ชิน: ใช่แล้ว หนังสือของคุณสะท้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้ดี

Nathaniel Popper: ลองนึกถึงคนที่ถือป้าย "ซื้อ Bitcoin" ด้านหลัง Janet Yellen นั่นเป็นเพียงเรื่องตลก แต่ไม่มีอะไรได้รับความสนใจจาก Bitcoin เช่นนั้น ในระบบเศรษฐกิจแห่งความสนใจของอินเทอร์เน็ต ยิ่งเรื่องตลกยิ่งใหญ่เท่าไรก็ยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นและกลายเป็นเรื่องจริงมากขึ้นเท่านั้น

Laura Shin: นั่นเป็นเหตุผลที่เราเห็นเหรียญ Meme มีมูลค่าเพิ่มขึ้น สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับวิธีการทำงานของอินเทอร์เน็ต ผู้คนสร้างรายได้ผ่านการโฆษณา และการโฆษณาต้องอาศัยความสนใจ

Nathaniel Popper: บางคนเคยสร้างรายได้จากการโฆษณามาก่อน แต่การโฆษณาไม่จำเป็นต้องทำให้ใครเสียเงินเสมอไป อย่างไรก็ตาม ด้วยเหรียญมีมอย่าง Dogecoin มีผู้แพ้มากกว่าที่เราเห็น

ลอร่า ชิน: ใช่เลย ฉันได้พูดคุยกับคนสองสามคนที่ซื้อ Dogecoin ที่ด้านบนสุด

Nathaniel Popper: แม้แต่ Elon Musk ก็โปรโมตเรื่องนี้ในรายการ Saturday Night Live จนกระทั่งเขายอมรับว่ามันเป็นเรื่องตลก ทหารมักจะเต็มใจที่จะยอมรับในที่สุดว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจ

Laura Shin: ใช่ แต่เขาอาจทำเงินได้มากมายจากมัน อย่างไรก็ตาม นาธาเนียล นี่เป็นการสนทนาที่ยอดเยี่ยม เป็นเรื่องเหมาะสมที่หนังสือของคุณจะออกในเวลานี้ เนื่องจากเหตุการณ์เหล่านี้กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง

นาธาเนียล ป๊อปเปอร์: ประวัติศาสตร์ของอินเทอร์เน็ตมีลักษณะเป็นวัฏจักรและเป็นวัฏจักรมาก Bitcoin เป็นกรณีคลาสสิกที่เราเห็นวงจรนี้ดำเนินต่อไปครั้งแล้วครั้งเล่า

Laura Shin: ใช่แล้ว เรากำลังเข้าสู่วงจรกระทิงอีกครั้ง มาดูกันว่าเหตุการณ์เหล่านั้นจะเป็นอย่างไรในปีนี้ ขอบคุณมากสำหรับการเข้าร่วมใน "Unchained"

นาธาเนียล ป๊อปเปอร์: ขอบคุณที่มาพบฉัน ลอร่า

ลิงค์เดิม