Ethereum2.0: ความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับความจริงเกี่ยวกับ Lego Money, Sharding, PoS และ TPS

หมายเหตุบรรณาธิการ: บทความนี้มาจากค่ายบล็อคเชน (ID: blockchain_camp)หมายเหตุบรรณาธิการ: บทความนี้มาจาก

ค่ายบล็อคเชน (ID: blockchain_camp)

ค่ายบล็อคเชน (ID: blockchain_camp)

, ผู้แต่ง: คิริลล์, ผู้แปล: Huohuojiang, ทำซ้ำโดย Odaily โดยได้รับอนุญาต

เปิดตัวในปี 2558 ปัจจุบัน Ethereum (ETH) เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับสองตามมูลค่าตลาด และเช่นเดียวกับสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Cardano (ADA) และ Kusamo (KSM) มีกิจกรรมของนักพัฒนาที่สูงมาก

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะทำให้ผู้คนทำธุรกรรมโดยใช้ Ethereum ได้ง่ายขึ้น หากประสบความสำเร็จ มันอาจทำให้ Ethereum (ปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ $385) เป็นแรงผลักดันใหม่ - ในความคิดของฉัน ความสำเร็จคือข้อสรุปที่มองข้ามไป

การใช้ DeFi ที่เพิ่มขึ้น (การกระจายอำนาจทางการเงิน) กำลังขับเคลื่อน Ethereum ไปสู่เฟสถัดไป ซึ่งเรียกว่าเฟส Ethereum 2.0 หรือ ETH 2.0 นี่จะเป็นการเริ่มยุคใหม่สำหรับ Ethereum ดังนั้นปัจจัยพื้นฐานของราคา Ethereum ยังเป็นขาขึ้นอีกด้วย

Ethereum เป็นขาขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาที่กล่าวถึงข้างต้น ในขณะที่การวิเคราะห์ทางเทคนิคระยะยาวของ ETH ยังชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มขาขึ้นในอนาคตสำหรับ Ethereum ต่อไป เราจะมาดูกันว่า ETH 2.0 หมายถึงอะไร

ชื่อเรื่องรอง

ธุรกรรม DeFi พุ่งสูงขึ้น

โดยพื้นฐานแล้ว การเงินแบบกระจายอำนาจ DeFi นั้นตรงกันข้ามกับการเงินแบบรวมศูนย์ การเงินแบบรวมศูนย์อยู่ภายใต้ธนาคารกลางและตัวกลาง ในขณะที่ DeFi หมายถึงสัญญาหรือข้อตกลงที่ดำเนินการโดยอัตโนมัติ ซึ่งดำเนินการผ่านสัญญาอัจฉริยะโดยไม่มีตัวกลาง เช่น ธนาคารหรือทนายความ

ทำธุรกรรมผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชนออนไลน์ ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น เนื่องจากธุรกรรมดำเนินการแบบ peer-to-peer จึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มใดๆ จากบริษัทหรือสถาบันอื่น

การโอน DeFi เรียกอีกอย่างว่า "Lego Money" เนื่องจากสามารถถอดแยกส่วนได้ จากนั้นจึงนำชิ้นส่วนต่างๆ กลับมารวมกันเพื่อสร้างสิ่งที่แตกต่างออกไป เช่น คำสั่งที่ต่างกันหลายชุด

ลักษณะเฉพาะอีกประการของการเงินแบบกระจายศูนย์คือสัญญาอัจฉริยะนั้นเปิดเผยต่อสาธารณะและสามารถทำงานร่วมกันได้สูง สัญญาอัจฉริยะทางการเงิน แอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (DApps) และโปรโตคอลเหล่านี้ทั้งหมดสร้างขึ้นบน Ethereum ในรูปแบบของเครือข่ายแบบกระจายอำนาจ หรือส่วนใหญ่ทำงานบน Ethereum

ในฐานะหน้าที่สำคัญของ DeFi การให้ยืมสามารถทำได้โดยการล็อก Ether Dai เนื่องจากราคาคงที่เมื่อเทียบกับ USD ทำให้ Ether Dai เป็นสกุลเงินที่เสถียรมาก แพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้คือ MakerDAO

DeFi ยังให้บริการเครือข่ายช่องทางการชำระเงินแบบ 2 ชั้น เครือข่ายการชำระเงิน Layer 1 ที่ให้บริการโดย Ethereum และ Bitcoin ทำให้สามารถโอนเงินได้ทันที

Ethereum 2.0

แต่ความสามารถของบล็อกเชนในการประมวลผลธุรกรรมนั้นจำกัดมาก ดังนั้นจำนวนธุรกรรม ณ เวลาที่กำหนดจึงถูกจำกัดด้วย ช่องทางการชำระเงินชั้นที่สอง (Layer 2) ถูกสร้างขึ้นบน blockchains ที่มีอยู่ เมื่อเทียบกับช่องทางการชำระเงินชั้นที่ 1 ที่แยกจากกัน แม้ว่าความปลอดภัยจะลดลง นี่เป็นผลมาจากการแลกเปลี่ยนระหว่างความเร็วและความปลอดภัย

ชื่อเรื่องรอง

เมื่อธุรกรรม DeFi เพิ่มขึ้น การใช้งานเครือข่ายบล็อกเชนสำหรับธุรกรรมดังกล่าวก็ลดลง ณ เดือนพฤศจิกายน 2020 ปริมาณธุรกรรมรวมเกิน 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจาก DeFi ส่วนใหญ่สร้างขึ้นบนเครือข่าย Ethereum blockchain การเพิ่มขึ้นของสัญญายังส่งผลให้เวลาและค่าใช้จ่ายในการประมวลผลเพิ่มขึ้นด้วย

เพื่อตอบสนองต่อความนิยมของธุรกรรม DeFi Ethereum ได้นำ Ethereum 2.0 hard fork ซึ่งจะนำตลาดที่เข้ารหัส (หรืออย่างน้อยส่วนหนึ่งของตลาดผ่าน Ethereum) ไปสู่อีกมิติใหม่

ชื่อเรื่องรอง

ราคาที่สูงของ Bitcoin จำกัดความสามารถในการปรับขนาดของมัน ในระดับหนึ่ง Ethereum มีปัญหาที่คล้ายกัน แต่ใน ETH 2.0 ปัญหานี้แก้ไขได้ด้วยการแยกส่วน Sharding เป็นวิธีการประมวลผลข้อมูลที่สามารถปรับปรุงความสามารถในการปรับขนาด ทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีแอปพลิเคชันที่หลากหลายมากขึ้น

ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ราคาของ Ethereum จะเป็นที่ชื่นชอบของเทรดเดอร์เมื่อเทียบกับ Bitcoin เนื่องจากการใช้งานในชีวิตประจำวันจะดีขึ้นมาก ใน ETH 1.0 ข้อมูลจะต้องได้รับการตรวจสอบโดยโหนดที่เข้าร่วมทั้งหมด ซึ่งทำให้กระบวนการประมวลผลทั้งหมดยาวขึ้น - โหนดที่เข้าร่วมที่ช้าที่สุดจะเหนือกว่า

Sharding สามารถแบ่งข้อมูลออกเป็นชุดย่อยๆ แต่ละโหนดจะถูกประมวลผลแยกกัน

ชื่อเรื่องรอง

ตั้งแต่หลักฐานการทำงานไปจนถึงหลักฐานการเดิมพัน

สาเหตุที่กระบวนการขุดเหมืองซับซ้อนมากก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นโจมตีเครือข่าย ท้ายที่สุด พลังงานที่ต้องใช้ในการโจมตีสูงเกินไปและต้นทุนฮาร์ดแวร์ที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการก็สูงเกินไปเช่นกัน อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ยังลดประสิทธิภาพการทำงานของระบบทั้งหมดลงอย่างมาก แต่ ETH 2.0 จะแก้ปัญหานี้ได้ เนื่องจาก Ethereum ได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงจาก

กระบวนการ PoS ง่ายกว่าและใช้พลังงานน้อยกว่า ดังนั้นจึงมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า แต่ความซับซ้อนที่ลดลงก็ทำให้มีความเสี่ยงมากขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตามสิ่งนี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการเพิ่มต้นทุน

กล่าวโดยย่อ กระบวนการขุดของ PoW นั้นยากกว่า แต่นักขุดที่หาคำตอบที่ถูกต้องจะได้รับรางวัล ในขณะที่กระบวนการขุดของ PoS ค่อนข้างง่าย แต่นักขุดที่หาคำตอบผิดจะถูกลงโทษ ซึ่งหมายความว่าผู้โจมตีจะจ่ายเงินสำหรับความพยายามและความล้มเหลวทุกครั้ง ดังนั้น สำหรับแฮ็กเกอร์แล้วการเปิดการโจมตีไม่คุ้มค่ากับการสูญเสีย

ชื่อเรื่องรอง

ธุรกรรมต่อวินาที (TPS)

ความเร็วในการทำธุรกรรมมีความสำคัญมากเมื่อทำการชำระเงินหรือรับเงินผ่านตลาด crypto และแม้ว่า Ethereum 1.0 จะเป็นหนึ่งในเครือข่ายบล็อกเชนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ก็ยังไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งหลักได้ในเรื่องความเร็วของการทำธุรกรรม