หมายเหตุบรรณาธิการ: บทความนี้เรียบเรียงจากAmericanbanker. ผู้แปล: Suixin ผลิตโดย Odaily

จะเกิดอะไรขึ้นในหนึ่งปี

ปีที่แล้ว หลังจาก Lamborghini และ Lamborghini ปรากฏตัวที่ Consensus New York (ภายหลังพบว่าผู้เข้าร่วมประชุมเช่ามันเพื่อ "อวดความมั่งคั่ง") ราคาของ Bitcoin ลดลงจาก 20,000 ดอลลาร์เป็น 3,000 ดอลลาร์ (แม้ว่าราคาจะลดลงบ้างเมื่อเร็ว ๆ นี้) ฟื้นตัว) และในปีนี้ Consensus Conference ก็ไม่เห็นรถสปอร์ตราคาแพงอย่าง Lamborghini อีกเลย

ผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกอบการเกือบเป็นเอกฉันท์กล่าวถึงความผันผวนของสกุลเงินดิจิทัลและศักยภาพของเทคโนโลยีพื้นฐาน (บล็อกเชน) ที่ความเห็นพ้องต้องกัน

Eric Maskin ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ที่อธิบายตัวเองว่าเป็นคนขี้ระแวงเรื่อง crypto กล่าวว่า “มันเป็นร้านที่มีมูลค่าแบบเปิด และฉันกังวลว่าเรากำลังแทนที่สกุลเงิน fiat ของรัฐบาลด้วยเงินส่วนตัว”

ในขณะที่ bitcoin ได้รับความนิยม การทดลองกับ blockchain และ cryptocurrencies ได้เห็นการยอมรับมากขึ้นในหมู่สถาบันและธุรกิจ รวมถึงธนาคาร Wall Street

Paul Veradittakit หุ้นส่วนของกองทุนเพื่อการลงทุนบล็อกเชน Pantera Capital กล่าวว่า "เมื่อตลาดอยู่ในขาลง เราไม่กลัว เมื่อตลาดสูงขึ้นเราก็ไม่ตื่นเต้นเกินไป" Paul Veradittakit หุ้นส่วนของกองทุนเพื่อการลงทุนบล็อคเชน Pantera Capital กล่าว กำลังกักตุนสกุลเงินดิจิทัล และสิ่งที่เราต้องการทำคือให้บริการเดิมพันและให้ยืมสำหรับสินทรัพย์สกุลเงินเข้ารหัสที่นักลงทุนได้รับ”

ชื่อเรื่องรอง

ธนาคารกำลังรออะไรอยู่

แม้ว่าบางธนาคารมองในแง่ดีเกี่ยวกับ blockchainแต่ธนาคารหลายแห่งยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคง คำถามสำคัญคือสิ่งนี้จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่และเมื่อใด

Tom Glocer หัวหน้าคณะกรรมการบริหารของ Morgan Stanley ประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง BlueVoyant บริษัทผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ และ Capitolis บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีในตลาดทุน เชื่อว่า ธนาคารส่วนใหญ่ดูเหมือนจะไม่ต้องการมีส่วนร่วมใน blockchain จนกว่าจะกลายเป็นกระแสหลัก ชุลมุน

"สำหรับตอนนี้ ไม่ควรเปลี่ยนธุรกิจทั้งหมดของคุณไปที่ blockchain เพราะประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และอื่นๆ" Glocer กล่าว "ควรทำการทดลองที่มีการควบคุมจะดีกว่า"

Nadav Zafrir ผู้บริหารระดับสูงของ Think Tank Team8 ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ กล่าวว่า ธนาคารยังต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงบางอย่าง เช่น ข้อเท็จจริงที่ว่า blockchain นำเสนอโอกาสใหม่ ๆ สำหรับแฮ็กเกอร์ในการใช้ประโยชน์ เขาเชื่อว่าเมื่อโลกเชื่อมต่อกันมากขึ้น แฮ็กเกอร์ก็มีศักยภาพที่จะโค่นล้มโดมิโนที่ยาวขึ้นได้

ชื่อเรื่องรอง

หน่วยงานกำกับดูแลจะเข้าร่วมหรือไม่?

อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่แค่เรื่องของความต้องการหรือไม่เท่านั้น

ธนาคารหลายแห่งในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบที่ขัดขวางไม่ให้พวกเขาเปิดตัวโครงการบล็อกเชน

ตัวอย่างเช่น Lior Glass หัวหน้าฝ่ายบล็อกเชนที่ BNY Mellon กำลังศึกษากรณีการใช้บล็อกเชนสำหรับสินเชื่อบ้าน เมื่อเขาถูกขัดขวางโดยกฎระเบียบของรัฐที่กำหนดให้ธนาคารต้องเก็บสำเนาเอกสารสินเชื่อบ้าน

ยังคงมีคำถามมากมายว่าการประยุกต์ใช้บล็อกเชนสามารถปรับปรุงโครงการได้จริงหรือไม่

“เทคโนโลยีบล็อกเชนยังไม่ได้ทำให้ธนาคารหยุดชะงัก” Oleg Abdrashitov ผู้อำนวยการ PJSC Sberbank Blockchain Lab ของรัสเซีย กล่าว “เราจะไม่เห็นรูปแบบธุรกิจใหม่จนกว่าเราจะสามารถทำโทเค็นหลักทรัพย์และทำโทเค็น fiat ได้อย่างเหมาะสม มันช่วยเราลดความเสี่ยงและลดความไร้ประสิทธิภาพ แต่ผลิตภัณฑ์การธนาคารยังคงเป็นผลิตภัณฑ์การธนาคารแบบดั้งเดิม”

บางคนกล่าวว่าวิธีแก้ปัญหาคือการให้หน่วยงานกำกับดูแลเข้าร่วมโดยเฉพาะธนาคารกลางเพื่อสร้างกลไกการรักษาเสถียรภาพของตนเอง

ชื่อเรื่องรอง

Sandbox กฎระเบียบของสหรัฐอเมริกาใช้งานได้จริงหรือไม่

แซนด์บ็อกซ์เทคโนโลยีทางการเงินเป็นเครื่องมือยอดนิยมสำหรับระบบการเงินทั่วโลกในการทำให้สกุลเงินดิจิทัลและบล็อกเชนเป็นที่รู้จักในตลาด แต่การนำแนวทางดังกล่าวไปใช้ในสหรัฐอเมริกานั้นเป็นปัญหาเนื่องจากข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ

"แซนด์บ็อกซ์มีประโยชน์" เฮสเตอร์ เพียรซ กรรมาธิการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (ก.ล.ต.) กล่าว "แต่คุณไม่ต้องการให้พ่อแม่สร้างปราสาททรายในนั้น โดยปกติแล้วคุณต้องการให้ลูกคิดสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองสักครั้ง มีหน่วยงานกำกับดูแลกำลังเฝ้าดูคุณอยู่ นวัตกรรมมีจำกัด"

เธอกล่าวว่า สหรัฐฯ ต้องการความพยายามร่วมกันของเอเจนซี่แซนด์บ็อกซ์หลายหน่วยงาน เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหพันธรัฐ และคณะกรรมาธิการการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า เพื่อกำหนดว่าส่วนใดของเทคโนโลยีที่หน่วยงานกำกับดูแลแต่ละแห่งควรเป็นเจ้าของ

อาจเป็นประโยชน์ Peirce กล่าวเสริม หากบริษัทสามารถเจรจากับแซนด์บ็อกซ์และพูดว่า "ขอความอนุเคราะห์จากเราที่จำเป็นเพื่อให้มันสำเร็จ แต่คุณก็ต้องโปร่งใสด้วย"

ตัวแทน Tom Emmer จากพรรครีพับลิกันของรัฐมินนิโซตากล่าวว่า ด้วยความแตกต่างของกฎหมายการเข้ารหัสระหว่างรัฐบาลกลางและรัฐบาลของรัฐ อาจจำเป็นที่สภาคองเกรสจะต้องแนะนำกฎหมาย ไม่ใช่เพื่อทำให้กฎหมายกลายเป็นกฎหมาย แต่เพื่อทำให้กฎหมายเป็นที่นิยมในหมู่สมาชิกสภานิติบัญญัติ

ชื่อเรื่องรอง

ธนาคารยังมีความจำเป็นในโลกของบล็อกเชนหรือไม่?

การถกเถียงที่ใหญ่ที่สุดน่าจะเป็นธนาคารยังคงมีความสำคัญเนื่องจาก cryptocurrencies หรือไม่?

"สำหรับนักเศรษฐศาสตร์ เหตุผลหนึ่งที่เราชอบการเข้ารหัสคือมันนำคุณกลับไปสู่หลักการแรก" David Ermack คณบดีฝ่ายการเงินของ Stern School of Business ของมหาวิทยาลัยนิวยอร์กกล่าว "ไม่จำเป็น"

แต่คนอื่นๆ โต้แย้งว่า แม้ว่าอนาคตที่ปราศจากธนาคารจะเป็นไปได้ในทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่เป็นเช่นนั้น Eric Maskin ระบุว่าหากแทนที่ด้วยสกุลเงินสาธารณะ เช่น สกุลเงินดิจิตอล มีศักยภาพที่จะรบกวนการทำงานของเศรษฐกิจของเรา เช่น กระบวนการที่ธนาคารกลางจำกัดวงจรธุรกิจโดยการปรับปริมาณเงิน

“แนวคิดที่ว่าคุณสามารถข้ามธนาคารด้วยสกุลเงินดิจิตอลได้นั้น ฟังดูน่าสนใจ แต่ธนาคารจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าสตาร์ทอัพใดมีแนวโน้มดีและไม่ดี” Maskin กล่าว “หากเราขัดขวางระบบธนาคาร เรามีความเสี่ยง”

คริปโตไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานทางเศรษฐกิจในอดีตเสมอไป Yermack กล่าวเสริม โดยสังเกตว่ามีผู้ค้าเพียงไม่กี่รายที่ยอมรับมันเป็นการชำระเงิน มันสามารถประมวลผลได้เพียง 7 ธุรกรรมต่อวินาทีทั่วโลก และไม่สามารถใช้เป็นตัวเก็บมูลค่าได้เพราะมันไม่เสถียร นอกจากนี้ เขาเชื่อว่านักเศรษฐศาสตร์ไม่สามารถควบคุมตลาด cryptocurrency ได้ง่ายเท่ากับที่พวกเขาสามารถจัดการกับระบบการเงินในปัจจุบันได้ ไม่มีทางที่รัฐบาลจะกระตุ้นการแข่งขันเพื่อไม่ให้เกิดการผูกขาด

ชื่อเรื่องรอง

ใครเป็นผู้รับผิดชอบหากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับบล็อกเชน

หากบล็อกเชนเข้ามาแทนที่ระบบการเงินในปัจจุบัน นักพัฒนาอาจต้องเผชิญหน้าที่รับผิดชอบเช่นเดียวกับธนาคาร

ความรับผิดชอบนั้นดูเหมือนการโต้วาทีในวงการอุตสาหกรรม บางคนบอกว่าต้องจัดลำดับความสำคัญของ "หน้าที่การดูแล" และ "หน้าที่ของความภักดี" โดย "วัตถุประสงค์แรกคือไม่ทำอันตราย แต่วัตถุประสงค์ที่สองคือผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้า

“ฉันต้องการให้นักพัฒนา Zcash ให้ความสำคัญกับโปรโตคอลที่ทำให้ผู้ถือ Zcash ร่ำรวยหรือไม่ ไม่” Peter Van Valkenburgh ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ Token Central และสมาชิกคณะกรรมการ Zcash กล่าว โดยอธิบายถึงหน้าที่ในการดูแล “ฉันต้องการให้นักพัฒนา Zcash เป็นซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุด สามารถสร้างขึ้นเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวทางการเงิน แต่ถ้านั่นหมายความว่าราคาของ Zcash จะลดลง ยังไงก็ตาม”

ความรับผิดชอบต่อความภักดีหมายความว่านักพัฒนาจะต้องรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อย่างไรก็ตาม มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่แข่งขันกันมากมายในบล็อกเชน Vlad Zamfir ผู้พัฒนา ethereum ที่ Ethereum Foundation กล่าว ซึ่งรวมถึงผู้ถือโทเค็น นักขุด และบุคคลที่สาม

วาลเคนเบิร์กตำหนิความภักดีหรือความรับผิดชอบของผู้ถือหุ้นสำหรับวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2551 ผู้เสนอราคาสูงสุดเมื่อ Lehman Brothers ล้มละลายคือรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งกำลังพิจารณาต้นทุนของการล่มสลายทางเศรษฐกิจ

“ปัญหาของการออกแบบสถาบันคือถ้าคุณกำหนดความรับผิดชอบ มันจะทำให้ทุกคนเลิกมีส่วนร่วมในกิจกรรมเหล่านี้ ซึ่งอาจทำลายกิจกรรมที่ดีต่อสังคม” เขากล่าว

แต่แองเจลา วอลช์ ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายแห่งคณะนิติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเซนต์แมรี กล่าวว่า หน้าที่ของความจงรักภักดีอาจยังมีความสำคัญหากนักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถใส่โค้ดที่คนอื่นไม่รู้จักลงในรหัสได้

ฉันคือนักข่าว Odaily Wu Suixin (WeChat ID wsuixin12) โปรดระบุชื่อ หน่วยงาน ตำแหน่ง และเหตุผลของคุณเมื่อเพิ่มเพื่อน

ฉันคือนักข่าว Odaily Wu Suixin (WeChat ID wsuixin12) โปรดระบุชื่อ หน่วยงาน ตำแหน่ง และเหตุผลของคุณเมื่อเพิ่มเพื่อน