เรายังอยู่ในช่วงซูเปอร์ไซเคิลของคริปโต

ชื่อเดิม: Supercycle มาถึงแล้ว เพียงแต่ไม่ใช่แบบที่คุณเคยสัญญาไว้

ผู้เขียนต้นฉบับ: Lomashuk ( @Lomashuk )

รวบรวมโดย Odaily Planet Daily ( @OdailyChina ); แปลโดย Asher ( @Asher_0210 )

เมื่อไม่นานมานี้ การเลื่อนดูอินเทอร์เน็ตเพียงห้านาทีก็ทำให้สรุปได้ง่ายๆ ว่าเรากำลังกลับเข้าสู่ตลาดหมีอีกครั้ง ราคา BTC ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง อัลต์คอยน์กำลังร่วงลงอย่างหนัก และความเชื่อมั่นของนักลงทุนรายย่อยก็แทบจะหายไป แนวคิดขาขึ้นขั้นสูงสุดที่ซู จู เสนอ หรือที่เรียกว่า "ซูเปอร์ไซเคิล" ซึ่งสะท้อนวิสัยทัศน์ของอุตสาหกรรมที่ว่า "สินทรัพย์คริปโตจะหลุดพ้นจากข้อจำกัดของวัฏจักรและบรรลุความเร็วหลุดพ้น" ในตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นภาพลวงตาของทั้งกลุ่มมากกว่า

อย่างไรก็ตาม ซูเปอร์ไซเคิลยังไม่จบสิ้น ปัญหาที่แท้จริงคือเราตีความมันผิดไป เรื่องเล่าขานดั้งเดิมของซูเปอร์ไซเคิลคือการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งที่ "ดิจิทัลจะสูงขึ้นเสมอ" ช่วงเวลาที่ระบบการเงินแบบดั้งเดิมยอมรับคริปโตอย่างเต็มที่ และตลาดหลุดพ้นจากวัฏจักรขาขึ้น-ขาลงสี่ปี อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้คนจำนวนมากขึ้นปฏิเสธวิสัยทัศน์นี้โดยตรง ความจริงที่ลึกซึ้งและน่าสะพรึงกลัวกว่าก็ปรากฏขึ้น นั่นคือ ซูเปอร์ไซเคิลได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่มันแตกต่างอย่างมากจากสิ่งที่ผู้คนเคยจินตนาการไว้ อันที่จริง เมื่อคริปโตถูกผนวกเข้ากับระบบการเงินโลกอย่างรวดเร็ว สินทรัพย์ 90% ในตลาดกำลังถูกปรับมูลค่าอย่างโหดร้ายจนเกือบเป็นศูนย์

ความแตกต่างครั้งใหญ่ในตลาด Crypto

ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ที่สุดคือ ยุคของ "น้ำขึ้นเรือทุกลำ" ได้สิ้นสุดลงแล้วในวัฏจักรนี้ ในอดีตตลาดกระทิง นักลงทุนรายย่อยสามารถเลือก altcoin ใดก็ได้บน CoinMarketCap และรับผลตอบแทนที่ดีในการพุ่งขึ้นครั้งต่อไป แต่ตลาดในปัจจุบันให้คำตอบที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง นั่นคือ altcoin ส่วนใหญ่กำลังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีสัญญาณการกลับตัวใดๆ

อันที่จริง สินทรัพย์คริปโตส่วนใหญ่กำลังค่อยๆ กลายเป็นศูนย์ เหรียญ Meme ที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งโรจน์ โทเค็นการกำกับดูแลจำนวนนับไม่ถ้วน "นักฆ่า Ethereum" และโครงการไร้ค่าจากรอบที่ผ่านมา ล้วนไม่มีศักยภาพที่จะกลับไปสู่จุดสูงสุดตลอดกาลได้อีกต่อไป การตกต่ำของราคาไม่ได้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ถดถอยลงชั่วคราว แต่หมายความว่ามูลค่าของสินทรัพย์เหล่านี้ลดลงภายใต้บริบทและปัจจัยพื้นฐานในปัจจุบัน และกลายเป็น "สินทรัพย์ซอมบี้" ที่แท้จริง

ในขณะเดียวกัน โครงสร้างตลาดก็กำลังเติบโตเต็มที่ และนักลงทุนก็มีเหตุผลมากขึ้นกว่าที่เคย เงินทุนไม่ได้ซื้อกระดาษขาว วิสัยทัศน์ หรือชุมชน Discord อีกต่อไป แต่กลับหันกลับมาสู่พื้นฐานที่สุด ได้แก่ กระแสเงินสด รายได้ค่าธรรมเนียม และกรณีการใช้งาน

ในภูมิทัศน์ตลาดคริปโตที่แตกแขนงนี้ มีเพียงสินทรัพย์สองประเภทเท่านั้นที่สามารถต้านทานวัฏจักรเศรษฐกิจได้:

• บล็อคเชนสาธารณะที่กลายมาเป็นโครงสร้างพื้นฐานของระบบ เช่น Ethereum และ Solana
• ข้อตกลงที่สามารถสร้างค่าธรรมเนียมและรายได้ธุรกรรมที่แท้จริงได้อย่างต่อเนื่อง

โครงการ Web 3 อื่นๆ ไม่ว่าเรื่องราวจะน่าทึ่งเพียงใดก็ตาม ก็ถูกตลาดกำจัดอย่างไม่ปราณี

วิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องของการเข้ารหัส

แม้ความเชื่อมั่นในการเก็งกำไรในระดับราคาจะตกต่ำลง แต่โครงสร้างพื้นฐานของระบบการเงินโลกกำลังถูกปรับเปลี่ยนอย่างเงียบๆ แต่ลึกซึ้ง เป็นเวลานานที่ "กฎระเบียบ" ถูกมองว่าเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 และ 2568 เงาที่คืบคลานเข้ามานี้ได้เปลี่ยนเป็นความแน่นอนอย่างไม่คาดคิด กรอบนโยบายที่ชัดเจนขึ้นไม่เพียงแต่ไม่ได้ปิดกั้นเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังเปิดทางให้บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เคยถูกมองว่าเป็น "ศัตรู" แบบดั้งเดิมอีกด้วย

ในเวลาเดียวกัน อุปทานของ stablecoin กำลังทำลายสถิติประวัติศาสตร์อย่างรวดเร็วและไม่อาจหยุดยั้งได้ กลายมาเป็นเครื่องยนต์ตัวใหม่สำหรับสภาพคล่องทั่วโลก

ธนาคารอินเทอร์เน็ตใหม่ๆ กำลังพัฒนาไปสู่การเป็นเกตเวย์ทางการเงินแบบเข้ารหัส ในขณะที่ Visa และ Mastercard กำลังฝังการชำระเงินแบบ stablecoin ลงในเครือข่ายการชำระเงินหลักโดยตรง

• Visa กำลังดำเนินการธุรกรรม stablecoin มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นพลังพื้นฐานสำหรับระบบธนาคารทางอินเทอร์เน็ตรุ่นต่อไป
• Mastercard เข้าซื้อกิจการ ZeroHash;
• Stripe กำลังเปลี่ยนโฟกัสไปที่ Stablecoin อย่างเต็มรูปแบบในฐานะโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชำระเงินทั่วโลก
• CashApp บูรณาการ USDC ไว้ที่ส่วนหน้า
• Revolut เปิดตัวช่องทางการแลกเปลี่ยน stablecoin แบบไม่มีค่าธรรมเนียม

พวกเขาอาจตระหนักได้ว่าเพื่อความอยู่รอด พวกเขาต้องยอมรับเทคโนโลยี ไม่ใช่ต่อต้านมัน การผนวกรวมที่ลึกซึ้งนี้กำลังก่อตัวเป็นฐานความต้องการที่เหนียวแน่นและไม่อาจย้อนกลับได้ ซึ่งไม่ได้สะท้อนให้เห็นในการซื้อขายเก็งกำไรระยะสั้น แต่กลับขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปริมาณการซื้อขายจริงทั่วโลก

เงินทุนอาจจะกลับคืนสู่บล็อคเชน

สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคกำลังเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของเกมอย่างเงียบๆ เมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดอัตราดอกเบี้ยและยุติมาตรการคุมเข้มเชิงปริมาณ (QT) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปราศจากความเสี่ยง 4% ซึ่งครั้งหนึ่งเคยทำได้ง่ายดาย กำลังค่อยๆ หายไป เมื่อเผชิญกับอัตราผลตอบแทนที่ลดลง เงินทุนจะไม่นิ่งเฉยอีกต่อไป

สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นคือแนวโน้มขนาดใหญ่ที่เงินทุนไหลกลับเข้าสู่บล็อกเชน อย่างไรก็ตาม ต่างจากในอดีต ครั้งนี้เงินทุนจะไม่รีบเร่งเข้าสู่โครงการแชร์ลูกโซ่ แต่จะมุ่งไปที่โปรโตคอล DeFi ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่แท้จริงผ่านค่าธรรมเนียมธุรกรรมและส่วนต่างของการให้กู้ยืม ในขณะที่ผลตอบแทนแบบดั้งเดิมลดลง ผลตอบแทนที่แท้จริงของโปรโตคอล DeFi กำลังกลายเป็นจุดสูงสุดใหม่สำหรับเงินทุน ดังที่เห็นได้จากข้อมูล TVL ของ Aave ได้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการที่ตลาดพยายามแสวงหาผลตอบแทนจริงบนบล็อกเชน

เศรษฐกิจการเงินแบบกระจายอำนาจและปัญญาประดิษฐ์รุ่นต่อไป

โครงสร้างพื้นฐานคริปโตกำลังถูกใช้ประโยชน์โดยกลุ่มนักลงทุนยุคใหม่ทางการเงิน ซึ่งในที่สุดก็พบความลงตัวระหว่างผลิตภัณฑ์และตลาด อนุพันธ์และสัญญาซื้อขายแบบถาวรในช่วงแรกได้รับการยอมรับจากกลุ่ม "นักเล่นหุ้น" แต่ปัจจุบันกำลังขยายไปสู่สภาพแวดล้อมการป้องกันความเสี่ยงแบบออนเชนที่มีสภาพคล่อง ซึ่งสถาบันต่างๆ สามารถเข้าถึงได้ ตลาดการทำนายผลก็พัฒนาจากการทดลองเฉพาะกลุ่มไปสู่แหล่งข้อมูลระดับโลกที่เชื่อถือได้ เช่น Google ได้ผนวกรวม Polymarket และ Kalshi ได้ร่วมมือกับ NBA

อย่างไรก็ตาม ตัวเร่งปฏิกิริยาขั้นสุดยอดที่ทำให้ซูเปอร์ไซเคิลนี้ไม่อาจหยุดยั้งได้อย่างแท้จริงคือปัญญาประดิษฐ์ เรากำลังสร้างโลกแห่งเอเจนต์ AI ที่แทนที่จะเดินเข้าไปใน JPMorgan Chase เพื่อเปิดบัญชีเช็ค ระบบจะสร้างวอลเล็ตโดยตรง ใช้คริปโทเคอร์เรนซีในการทำธุรกรรม การแลกเปลี่ยน และการชำระเงิน และจะสร้างตลาดประมูลใหม่ทันทีตามความตั้งใจของผู้ใช้

ในระบบนี้ บล็อคเชนจะกลายมาเป็นชั้นพื้นฐานดั้งเดิมของ "เศรษฐกิจไซเบอร์" และตัวแทน AI จะประสานงานและดำเนินธุรกรรมบนนั้น

สรุป

เรากำลังอยู่ในช่วงกลางของซูเปอร์ไซเคิลที่แท้จริง แต่ก็แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากการพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะสั้นของปี 2021 ซูเปอร์ไซเคิลในปัจจุบันนี้เงียบกว่า มีเสถียรภาพมากกว่า และมีโครงสร้างมากกว่า ไม่ต้องพึ่งพาอารมณ์เก็งกำไรอีกต่อไป และไม่ได้ทำให้สินทรัพย์ทั้งหมดเพิ่มขึ้นพร้อมกัน

ในกระบวนการนี้ ราคาของโทเค็นและโครงการที่ไม่มีมูลค่าที่แท้จริงจะยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นกลไกการคัดเลือกตลาดตามธรรมชาติ ขณะเดียวกัน สกุลเงินดิจิทัลกำลังผสานรวมเข้ากับระบบการเงินโลกอย่างเงียบๆ ตั้งแต่การชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลแบบเสถียร (stablecoin) ไปจนถึงการป้องกันความเสี่ยงแบบออนเชน (on-chain) ในระดับสถาบัน ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินไปจนถึงเศรษฐกิจ AI พื้นฐาน บล็อกเชนกำลังกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่สำหรับเศรษฐกิจโลก