ผู้เขียนต้นฉบับ: CBB (@Cbb0fe)

รวบรวมโดย Odaily Planet Daily ( @OdailyChina ); แปลโดย Azuma ( @azuma_eth )

ย้อนกลับไปในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568 ตลาดสกุลเงินดิจิทัลดูมืดมน ความขัดแย้งด้านภาษีศุลกากรส่งผลกระทบอย่างรุนแรง และเราเริ่มคิดว่าโอกาสที่อาจเกิดขึ้นต่อไปอาจอยู่ที่ไหน

เนื่องจาก 40% ของ Hyperliquid (HYPE) ยังไม่ได้ถูกแจกจ่ายให้กับชุมชน เราจึงมองว่านี่เป็นโอกาส ก่อนหน้านี้เราได้ทดสอบกลยุทธ์การสร้างตลาดบน Unit (เลเยอร์โทเค็นสินทรัพย์ที่สร้างขึ้นสำหรับ Hyperliquid โดยเฉพาะ) ในเดือนกุมภาพันธ์ แต่เราไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้มากนัก เพียงแต่เป็นการทดลองขนาดเล็กเท่านั้น

ตอนนั้น HyperEVM เพิ่งเปิดตัวบน DEX บางตัว และพี่ชายผมแนะนำว่า "ทำไมเราไม่ลองเก็งกำไรระหว่าง HyperEVM กับ Hyperliquid ดูล่ะ ถึงแม้จะขาดทุน เราก็ยังได้รับรางวัลฤดูกาลที่สามของ Hyperliquid ได้อยู่นะ"

เราตัดสินใจลองดู มีโอกาสทำกำไรได้ แต่เราไม่แน่ใจว่าจะแข่งขันได้จริงหรือไม่

เหตุใดจึงมีโอกาสในการเก็งกำไรบน HyperEVM?

เวลาบล็อกของ HyperEVM คือ 2 วินาที ซึ่งหมายความว่าราคาของ HYPE จะอัปเดตทุก 2 วินาที และระหว่าง 2 วินาทีนี้ ราคาของ HYPE อาจผันผวนได้

ดังนั้น HYPE บน HyperEVM มักถูก "ประเมินค่าต่ำเกินไป" หรือ "ประเมินค่าสูงเกินไป" เมื่อเทียบกับ Hyperliquid

ความพยายามเบื้องต้นและผลลัพธ์

เราสร้างโปรแกรมบอทขั้นพื้นฐานก่อน

เมื่อใดก็ตามที่มีความแตกต่างของราคาระหว่างพูล AMM DEX บน HyperEVM และจุด Hyperliquid เราจะเริ่มการซื้อขายบน HyperEVM และป้องกันความเสี่ยงบน Hyperliquid

ยกตัวอย่างเช่น หากราคาของ HYPE สูงขึ้นบน Hyperliquid แสดงว่าราคาของมันต่ำกว่ามูลค่าบน HyperEVM ตรรกะการซื้อขาย ณ จุดนี้คือ: ซื้อ HYPE "ราคาถูก" บน HyperEVM ด้วย USDT0 ➡️ ขาย HYPE เป็น USDC ➡️ แลกเปลี่ยน USDC กลับเป็น USDT0 บน Hyperliquid

ในช่วงไม่กี่วันแรก เราสามารถทำปริมาณการซื้อขายได้ 200,000-300,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อวันบน Hyperliquid โดยไม่ขาดทุนเลย และยังได้กำไรเพียงเล็กน้อยเพียงไม่กี่ร้อยเหรียญสหรัฐฯ อีกด้วย

ในช่วงแรก เราดำเนินการอาร์บิทราจเฉพาะเมื่อกำไรของเราสูงกว่า 0.15% (หลังจากหักค่าธรรมเนียม DEX และ Hyperliquid) หลังจากนั้นสองสัปดาห์ เราเริ่มเห็นศักยภาพที่มากขึ้น เนื่องจากกำไรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

เราได้ระบุคู่แข่งอีกสองรายที่ทำสิ่งเดียวกันแต่มีขนาดเล็กกว่า และเราจึงตัดสินใจที่จะกำจัดพวกเขา

ในเดือนเมษายน Hyperliquid ได้เปิดตัวความสามารถในการ Stake HYPE เพื่อรับเงินคืนค่าธรรมเนียม นับเป็นการปรับปรุงที่สมบูรณ์แบบสำหรับเรา เนื่องจากเรามีขนาดกองทุนที่ใหญ่กว่ามากและสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ได้

เราวางเดิมพันโทเค็น HYPE จำนวน 100,000 โทเค็น ได้รับเงินคืน 30% จากค่าธรรมเนียมการซื้อขาย และลดเกณฑ์กำไรจาก 0.15% เหลือ 0.05% เราหวังที่จะลดการแข่งขันและบีบให้พวกเขายอมแพ้ เพื่อให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากตลาดได้ เป้าหมายของเราคือการทำให้ปริมาณการซื้อขายมากกว่า 500 ล้านดอลลาร์ภายในสองสัปดาห์ เพื่อรักษาระดับค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นบน Hyperliquid

เมื่อปริมาณการซื้อขายของเราเติบโตขึ้น กำไรของเราก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย และในที่สุด เราก็บรรลุปริมาณการซื้อขายมากกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เอาชนะคู่แข่งไปได้อย่างราบคาบ

ฉันยังจำวันนั้นได้ – คู่แข่งสองคนถูกบังคับให้ปิดโปรแกรมบอทของพวกเขา และพี่ชายของฉันกับฉันกำลังบินจากปารีสไปดูไบ และเฝ้าดูอย่างตื่นตระหนกขณะที่บอทของเรา "พิมพ์เงิน" – กำไรในวันนั้นสูงถึง 120,000 ดอลลาร์

หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาที่ปริมาณการซื้อขายพุ่งสูง แม้ว่าคู่แข่งของเราจะมีอัตราค่าธรรมเนียมต่ำกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด แต่พวกเขาก็ไม่ยอมแพ้ ส่งผลให้เรามีอัตรากำไรที่แคบมากเพียง 0.04% ซึ่งก็คือส่วนต่างระหว่างค่าธรรมเนียมของเรากับของพวกเขา ปริมาณการซื้อขายของเรายังคงแข็งแกร่ง และกำไรรายวันของเราคงที่อยู่ระหว่าง 20,000 ถึง 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ปัญหาคอขวดในการปรับขนาด

เมื่อเราขยายขนาดขึ้น เราก็เริ่มพบกับปัญหาคอขวด

ขีดจำกัดแก๊สสำหรับแต่ละบล็อกของ HyperEVM อยู่ที่ 2 ล้าน และธุรกรรมการเก็งกำไรหนึ่งรายการต้องใช้แก๊สประมาณ 130,000 ดังนั้นแต่ละบล็อกจึงรองรับธุรกรรมการเก็งกำไรได้สูงสุด 7-8 รายการเท่านั้น

เนื่องจากมีการเปิดตัวพูลและ DEX บน HyperEVM มากขึ้นเรื่อยๆ ตัวเลขนี้จึงยังไม่เพียงพอ และธุรกรรมบางส่วนจะติดขัด ส่งผลให้มีธุรกรรมค้างอยู่ในคิวและเกิดความไม่สมดุลในตำแหน่งทุน

เพื่อจุดประสงค์นี้ เราได้ใช้มาตรการชุดหนึ่ง:

• ใช้กระเป๋าสตางค์มากกว่า 100 ใบ โดยแต่ละใบจะส่งธุรกรรมการเก็งกำไรโดยอิสระเพื่อหลีกเลี่ยงการรอคิวสำหรับกระเป๋าสตางค์ใบเดียว
• สามารถดำเนินการ arbitrage ได้สูงสุด 8 ครั้งต่อบล็อก
• การควบคุมแก๊สแบบไดนามิก: เมื่อราคาแก๊ส HyperEVM พุ่งสูงขึ้น ข้อกำหนดผลตอบแทนจากการลงทุนขั้นต่ำ (ROI) จะเพิ่มขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการส่งธุรกรรมที่ไร้ประโยชน์ในช่วงที่ gwei สูง
• การจำกัดอัตรา: หากมีการส่งธุรกรรมมากเกินไปในช่วง 12 วินาทีที่ผ่านมา ความต้องการกำไรจะเพิ่มขึ้นก่อนที่จะส่งธุรกรรมใหม่

กลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพ

ในขณะที่กำไรยังคงเพิ่มขึ้นและปริมาณการซื้อขายที่เหนือกว่าคู่แข่งอย่างสม่ำเสมอถึง 5–10 เท่า เรากลับหมกมุ่นอยู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพมากเกินไป

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราพบเจอกับสิ่งนี้ วันหนึ่งคุณอาจพิมพ์เงินขณะดื่มเบียร์ และพรุ่งนี้อาจมีสิ่งลึกลับบางอย่างที่ทำให้คุณกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้ในชั่วข้ามคืน

*มาเป็นผู้สร้างบน Hyperliquid

ในเดือนมิถุนายน พี่ชายของฉันเกิดความคิดขึ้นมาซึ่งเขาครุ่นคิดมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้วว่า "จะเป็นอย่างไรถ้าแทนที่จะวางคำสั่งซื้อในฐานะผู้รับ เราสามารถเริ่มต้นการเก็งกำไรในฐานะผู้ผลิตได้?"

สิ่งนี้มีประโยชน์หลักสองประการ:

• ประการแรกคือสามารถจับแท่งเทียน HYPE ได้ ซึ่งจะนำมาซึ่งโอกาสในการเก็งกำไรมากขึ้น
• ประการที่สอง สามารถประหยัดค่าธรรมเนียมการจัดการได้ 0.0245% สำหรับแต่ละธุรกรรม ส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มมากขึ้น

แต่ในขณะเดียวกัน นี่ก็เป็นการเคลื่อนไหวที่ท้าทายมากเช่นกัน เนื่องจากหากเราเริ่มคำสั่งซื้อบน Hyperliquid ก่อน เราไม่สามารถรับประกันได้ว่าการป้องกันความเสี่ยงที่สอดคล้องกันจะเสร็จสมบูรณ์บน HyperEVM ได้ - อาจมีคนทำได้เร็วกว่าเรา

ก่อนหน้านี้ กลยุทธ์การเก็งกำไรของเราเกี่ยวข้องกับการเริ่มต้นการซื้อขายบน HyperEVM หากการซื้อขายล้มเหลว เราจะคงสถานะของเราบน Hyperliquid ไว้ หากการซื้อขายประสบความสำเร็จ เราจะป้องกันความเสี่ยง (hedging) บน Hyperliquid อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้ทำคำสั่งซื้อขาย เราต้องรอให้การซื้อขายบน Hyperliquid เสร็จสิ้น และไม่มีการรับประกันว่าการซื้อขายบน HyperEVM จะถูกดำเนินการอย่างทันท่วงที ส่งผลให้เกิดสถานะที่ไม่สมดุลและอาจขาดทุน

ในตอนแรก การทดสอบแต่ละครั้งจะพบความคลาดเคลื่อนของตำแหน่งอยู่ที่ ±10,000 HYPE เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เพราะบางครั้งเราส่งคำสั่งซื้อขาย 100 รายการภายใน 20 วินาที โดยไม่มีเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลใดๆ เลย มันยุ่งเหยิงไปหมด

เพื่อแก้ไขปัญหานี้และเปิดใช้งานการดำเนินการคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการอย่างปลอดภัย เราได้แนะนำแนวคิดใหม่ชุดหนึ่งและแปลงเป็นโมดูลโค้ดและพารามิเตอร์:

• ช่วงกำไร: กำหนดเวลาที่จะวางคำสั่งซื้อ เมื่อใดที่จะเก็บคำสั่งซื้อ และเมื่อใดที่จะยกเลิกและแทนที่คำสั่งซื้อ
• พูล AMM ที่มีอยู่ (เช่น พูล HYPE/USDT0 0.05% บน HyperSwap, พูล HYPE/UBTC 0.3% บน Project X)
• ขนาดการสั่งซื้อและปริมาณการสั่งซื้อของแต่ละกลุ่ม

พารามิเตอร์สำหรับการทำธุรกรรมผู้รับจะแสดงอยู่ในรูปด้านล่าง

หลังจากปรับแต่งอย่างละเอียดสองสามวัน เราก็สามารถหลีกเลี่ยงความไม่สมดุลส่วนใหญ่ได้ และเมื่อความไม่สมดุลเกิดขึ้น เราก็ใช้ราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักตามเวลาทันทีเพื่อปิดสถานะให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อจำกัดความเสี่ยง นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ คู่แข่งของเรายังคงซื้อขายเพียงฝ่ายเดียว ในขณะที่เราเอาชนะพวกเขาได้ โดยซื้อขายมากกว่าปริมาณการซื้อขายของพวกเขาถึง 20 เท่า

*ข้าม การซื้อขาย USDT/USDC บน Hyperliquid

ความท้าทายต่อไปที่เราเผชิญคือสถานการณ์เฉพาะตัวของ USDT0 โดย USDC เป็น stablecoin อันดับต้นๆ บน Hyperliquid ขณะที่ USDT0 เป็น stablecoin อันดับต้นๆ บน HyperEVM พูลที่มีปริมาณการซื้อขายและโอกาสในการเก็งกำไรที่ดีที่สุดบน HyperEVM คือพูล HYPE-USDT0 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเราจำเป็นต้องใช้ USDT0 บน HyperEVM และ USDC บน Hyperliquid เราจึงต้องดำเนินการสองธุรกรรมบน Hyperliquid เพื่อปรับสมดุลระหว่างสินทรัพย์ทั้งสอง

เช่น เมื่อราคา HYPE เพิ่มขึ้น:

• ดำเนินการคำสั่งบน Hyperliquid ➡️ ขาย HYPE เพื่อรับ USDC (คอมมิชชั่น 0%)
• ซื้อ HYPE ด้วย USDT0 บน HyperEVM
• ขาย USDC และซื้อ USDT0 บน Hyperliquid (ค่าธรรมเนียมผู้รับ 0.0245%)

ปัญหาอยู่ที่ขั้นตอนที่ 3:

• เราจำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมผู้รับ (กำไรที่ลดลงและความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง)
• ตลาด USDT0/USDC บน Hyperliquid ยังไม่เติบโตเต็มที่ โดยมีการลื่นไถลสูง และการกำหนดราคาที่ไม่แม่นยำ

ดังนั้นเราจึงตัดสินใจข้ามขั้นตอนนี้ไปให้ได้มากที่สุด เพื่อทำสิ่งนี้ เราจึงสร้างพารามิเตอร์และตรรกะใหม่:

• เกณฑ์ USDC: USDT0 → ธุรกรรม USDC จะถูกข้ามเมื่อยอดคงเหลือ USDC > 1.2 ล้านเท่านั้น
• เกณฑ์ USDT0: ธุรกรรม USDC→USDT0 จะถูกข้ามเมื่อยอดคงเหลือ USDT0 > 300,000 เท่านั้น
• แหล่งที่มาของข้อมูลราคาจริง: เรียกใช้ Cowswap API ทุกนาทีเพื่อรับราคา USDT0/USDC แบบเรียลไทม์แทนที่จะต้องพึ่งพาสมุดคำสั่งซื้อ Hyperliquid

*แนะนำการสวอปแบบถาวร (perps) arbitrage

ขอให้ผมชี้แจงให้ชัดเจนว่าเราแทบจะไม่เคยใช้เลเวอเรจหรือสัญญาถาวรในพื้นที่สกุลเงินดิจิทัลเลย (ยกเว้นครั้งหนึ่งบน BitMex ในปี 2018 ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จมากนัก) ดังนั้นเราจึงไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามันคืออะไรในตอนแรก

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาเราพบว่าสัญญาแบบ Perpetual ของ HYPE มีปริมาณการซื้อขายสูงกว่าสัญญา Spot อย่างมาก และค่าธรรมเนียมก็ต่ำกว่าเล็กน้อย (0.0245% สำหรับสัญญา Spot และ 0.019% สำหรับสัญญา Perpetual) เราจึงตัดสินใจลองใช้สัญญา Perpetual เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์ของเรา เนื่องจากคู่แข่งของเรายังไม่ได้นำสัญญา Perpetual มาใช้ เราจึงมีสิทธิ์เข้าถึงสภาพคล่องในตลาดนี้โดยแทบจะแต่เพียงผู้เดียว

ระหว่างการทดสอบ เราพบว่าการใช้สัญญาแบบถาวรไม่เพียงแต่ช่วยให้เรามีโอกาสทำกำไรจากการเก็งกำไรได้มากขึ้นเท่านั้น แต่ยังได้รับเงินทุนอีกด้วย เมื่อราคาแบบถาวรของ HYPE แสดงค่าพรีเมียมหรือส่วนลดเมื่อเทียบกับราคาตลาด เราก็สามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสทำกำไรจากการเก็งกำไรได้มากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่คู่แข่งของเราไม่ทำ

ดังนั้นเราจึงออกแบบชุดพารามิเตอร์ระบบใหม่:

• ขอบเขต: จำนวนสูงสุดของ HYPE ที่สามารถขายชอร์ตหรือซื้อได้เพื่อหลีกเลี่ยงการชำระบัญชีบังคับหรือการสูญเสียยอดคงเหลือ USDC/HYPE
• พรีเมี่ยม/ส่วนลด: การตรวจสอบแบบเรียลไทม์ของความเบี่ยงเบนของราคาถาวรเมื่อเทียบกับราคาจุด
• เบี้ยประกันภัยสูงสุด / ส่วนลดสูงสุด (เกณฑ์) : เมื่อเบี้ยประกันภัยสูงเกินไป ให้หยุดซื้อและเปลี่ยนไปซื้อขายแบบ Spot Trading
• ผลตอบแทนจากการลงทุนแบบก้าวหน้า (Progressive Return on Investment) ยิ่งตำแหน่งมีขนาดใหญ่ อัตราผลกำไรที่ต้องการก็จะสูงขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการติดอยู่ในตำแหน่งยาวหรือสั้น
• สูตร ROI: ปรับแบบไดนามิกตามเบี้ยประกัน/ส่วนลดถาวร + ขนาดตำแหน่ง

ต่อไปนี้เป็นอินเทอร์เฟซพารามิเตอร์สำหรับการกำหนดค่าตำแหน่งสั้น HYPE เป็นผู้รับ

การนำระบบสวอปแบบถาวรมาใช้นั้นพิสูจน์แล้วว่าเป็นหนึ่งในการพัฒนาที่สำคัญที่สุดของเรา ระบบนี้สร้างรายได้ประมาณ 600,000 ดอลลาร์จากการระดมทุนเพียงอย่างเดียว และยังเปิดโอกาสในการเก็งกำไรแบบพรีเมียม/ส่วนลดมากขึ้น

การแบ่งงานและความร่วมมือ

หลายๆคนถามเราว่าเราแบ่งงานกันยังไงและร่วมมือกันยังไง

สำหรับโลกภายนอก ผมมักจะถูกมองว่าเป็น "คนช่างพูด" ที่โพสต์แต่เรื่องตลกๆ ไร้สาระบน CT ในขณะที่พี่ชายผมเป็นพวกเทคโนโลยีเงียบๆ ที่เขียนโค้ด แต่ความจริงแล้วซับซ้อนกว่านั้นมาก การทำงานร่วมกันของเรานั้นคล้ายกับจังหวะสมัยที่ Blur ทำงานในเหมือง มาก

เมื่อทำงานกับบอทแบบนี้ คุณไม่มีทางรู้เลยว่าบั๊กหรือการเปลี่ยนแปลงของตลาดจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เราพยายามแก้ไขปัญหา ปรับแต่งอัลกอริทึม และปรับความคิดอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เราทำจะถูกนำมาใช้ก็ต่อเมื่อได้ข้อสรุปร่วมกันแล้วเท่านั้น

เขารับผิดชอบการเขียนโค้ดและสร้างแผงควบคุมขึ้นมาเพื่อให้ผมจัดการพารามิเตอร์ต่างๆ ได้ ผมเขียนโค้ดไม่เป็นเลย (จริงๆ แล้วเขียนไม่ได้เลย) แต่ผมรู้วิธีตั้งค่ากลยุทธ์เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในตลาด ส่วนพี่ชายผมกลับตรงกันข้าม เขาเขียนโค้ดได้แต่ตั้งค่ากลยุทธ์ไม่ได้

เรายังมีบุคลิกที่แตกต่างกันมาก: พี่ชายของฉันชอบการอัปเดตบ่อยๆ และการทดลองที่รวดเร็ว (ซึ่งฉันคิดว่ามันสุดโต่งเกินไป); ฉันเป็นคนอนุรักษ์นิยมมากกว่าและเชื่อว่าไม่ควรเคลื่อนไหวตราบใดที่ฉันยังหาเงินได้ (ซึ่งเขาคิดว่ามันขี้เกียจเกินไป)

บทสนทนาทั่วๆ ไประหว่างเรามักจะเป็นประมาณนี้

ฉัน (จริงๆ แล้วมีพิษร้ายแรงมาก): "โปรแกรมนี้ดูแปลกๆ... คุณเปลี่ยนอะไรไป?"

เขา: "ไม่หรอก... ฉันอาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรเล็กๆ น้อยๆ บ้างก็ได้"

สำหรับเราทั้งคู่ หนึ่งในสิ่งที่แปลกเกี่ยวกับการสร้างบอทโดยไม่มีกระบวนการของบริษัทอย่างเป็นทางการคือ หลังจากอัปเดตไป 250 ครั้ง มันรู้สึกเหมือนกับว่าคุณได้สร้างอะไรบางอย่างที่คุณไม่เข้าใจหรือควบคุมไม่ได้อย่างสมบูรณ์อีกต่อไป เมื่อคุณผลักดันการอัปเดตใหม่ บางครั้งมันก็ยากที่จะเข้าใจผลกระทบทั้งหมดที่จะเกิดขึ้น

บทสรุป

ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา เราอุทิศเวลาเกือบทั้งหมดให้กับโปรแกรมนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา ผู้สร้างตลาดระดับยักษ์ของ Wintermute ได้เข้ามาร่วมวงด้วย โดยนำสภาพคล่องมหาศาลและทีมวิเคราะห์เชิงปริมาณที่ครบครันมาด้วย ผมยังจำการเดินทางห้าวันของเราจากอิสตันบูลไปโบดรัมในเดือนกรกฎาคมได้ จริงๆ แล้วเราควรจะไปเที่ยวพักผ่อน แต่สุดท้ายกลับต้องติดอยู่ในโรงแรมเพื่อแก้ไขซอฟต์แวร์ตลอดห้าวัน

ผลลัพธ์สุดท้ายของเราคือ:

• กำไร: 5 ล้านเหรียญสหรัฐ;
• ปริมาณการซื้อขายรวมบน Hyperliquid: 12.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
• ค่าธรรมเนียมแก๊สที่ชำระให้กับ HyperEVM: 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (20% ของค่าธรรมเนียมทั้งหมดของเครือข่าย)
• เวลาพัฒนารวม: 2,000+ ชั่วโมง;
• ส่วนแบ่งการตลาด: 5% ของปริมาณการซื้อขายหน่วย;

ตอนนี้เราตัดสินใจที่จะพักและให้หุ่นยนต์ได้พักบ้าง เรากำลังตั้งตารอรอบต่อไปของ Hyperliquid ซีซั่น 3 และยูนิตซีซั่น 1