แปลโดย: หลู่เจียงเฟย
แปลโดย: หลู่เจียงเฟย

เมื่อเร็ว ๆ นี้ Polygon ประกาศเปิดตัวชั้นความพร้อมใช้งานข้อมูลใหม่ที่เรียกว่า "Avail" และเทคโนโลยีนี้ได้รับความสนใจอย่างมากในชุมชน crypto อย่างรวดเร็ว

เทคโนโลยีเลเยอร์ความพร้อมใช้งานของข้อมูลเริ่มแรกมาจากโครงการชื่อ "Celestia" (ชื่อเดิมคือ LazyLedger) แต่เนื่องจากเทคโนโลยีนี้มีความซับซ้อนเล็กน้อย คนส่วนใหญ่จึงไม่ต้องการใช้เวลามากเกินไปในการทำความเข้าใจ ในบทความนี้ ฉันพยายามอธิบายด้วยภาษาง่ายๆ เกี่ยวกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องของ "โครงสร้างพื้นฐานความพร้อมใช้งานของข้อมูล" และเหตุใดจึงใช้สถาปัตยกรรมนี้

ก่อนอื่น มาสำรวจปัญหาความพร้อมใช้งานของข้อมูลกันก่อน ปัญหาความพร้อมใช้งานของข้อมูลเกิดขึ้นเมื่อผู้ผลิตบล็อกเผยแพร่ส่วนหัวของบล็อกที่ถูกต้อง แต่จงใจปิดบังข้อมูลธุรกรรมพื้นฐาน ปัญหานี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเนื่องจากโหนดแสงใช้เฉพาะส่วนหัวของบล็อกสำหรับการตรวจสอบ ดังนั้นจึงสามารถหลอกให้ยอมรับบล็อกที่ไม่ถูกต้องได้อย่างง่ายดาย

โหนดแบบเต็มไม่สามารถสร้างการพิสูจน์ความพร้อมใช้งานของข้อมูลสำหรับโหนดแสงได้ เนื่องจากบล็อกไม่มีข้อมูล ในทำนองเดียวกัน โหนดแบบเต็มไม่สามารถสร้างหลักฐานการฉ้อโกงสำหรับบล็อกที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งหมายความว่าโหนดแสงจะต้องตรวจสอบความพร้อมใช้งานของข้อมูลด้วยตนเอง หรือสันนิษฐานว่าข้อมูลส่วนใหญ่เป็นข้อมูลจริงและเชื่อถือได้

นั่นเป็นสาเหตุที่โหนดส่วนใหญ่ต้องดาวน์โหลดข้อมูลธุรกรรมทั้งหมดและตรวจสอบความพร้อมใช้งานของข้อมูลบล็อก อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนั้นจะทำให้เกิดข้อจำกัดด้านความสามารถในการขยายขนาดและปัญหาในโซลูชันการขยายเครือข่าย ตัวอย่างเช่น เมื่อความซับซ้อนในการตรวจสอบเพิ่มขึ้น ชาร์ดดิ้ง โรลอัพ และขนาดบล็อกก็เพิ่มขึ้นทั้งหมด

แล้ว Avail และ Celestia จะแก้ปัญหานี้อย่างไร? ผลก็คือ พวกเขาสร้างบล็อกเชนที่ใช้ฉันทามติบนเชนเพื่อตรวจสอบการสั่งซื้อธุรกรรมและความพร้อมใช้งานของข้อมูลเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องดำเนินการ/ตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม

เพื่อให้คุณเข้าใจสิ่งนี้อย่างถ่องแท้ยิ่งขึ้น ก่อนอื่นเรามาดูว่าสถาปัตยกรรมบล็อกเชนทั่วไปมีลักษณะอย่างไร โดยทั่วไปแล้ว สถาปัตยกรรม blockchain ประกอบด้วยสามชั้นดังต่อไปนี้:

• ชั้นฉันทามติ

• ชั้นฉันทามติ

• ชั้นความพร้อมใช้งานของข้อมูล

สำหรับบล็อกเชนอย่าง Ethereum ซึ่งคนส่วนใหญ่ใช้กัน เลเยอร์ทั้งสามจะถูกรวมเข้าด้วยกันในสถาปัตยกรรมโดยรวม Ethereum Virtual Machine (EVM) เป็นส่วนหนึ่งของกฎและโปรโตคอลที่เป็นเอกฉันท์ และโครงการต่างๆ เช่น Celestia และ Avail นั้นมีเลเยอร์ความพร้อมใช้งานของข้อมูล "แยกต่างหาก" และเลเยอร์ที่สอดคล้องกัน เพื่อให้สภาพแวดล้อมการดำเนินการบล็อกเชน/ธุรกรรมอื่นๆ ที่แตกต่างกันสามารถได้รับประโยชน์จากมัน

สามารถใช้ Celestia และ Avail เป็นชั้นฉันทามติขั้นต่ำที่เสียบปลั๊กได้และชั้นความพร้อมใช้งานของข้อมูล โดยจะตรวจสอบความพร้อมใช้งานของข้อมูลและการสั่งซื้อธุรกรรมเท่านั้น ซึ่งให้ความยืดหยุ่นที่มากขึ้นแก่สถาปัตยกรรมโมดูลาร์ของเครือข่ายบล็อกเชน

ไม่เพียงแค่นั้น แต่การ "แยก" ชั้นความพร้อมใช้งานของข้อมูลและชั้นความสอดคล้องกันจะทำให้ปรับขนาดได้มากขึ้น เนื่องจากใช้การพิสูจน์ความพร้อมใช้งานของข้อมูลทางคณิตศาสตร์ (การพิสูจน์ความพร้อมใช้งานของข้อมูลทางคณิตศาสตร์) เพื่อตรวจสอบ DA ได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก (หมายเหตุ: Celestia ใช้การเข้ารหัสการลบ และ Avail ใช้แผนการผูกมัด KZG)

ด้วยวิธีนี้ ปัญหาคอขวดที่สอดคล้องกันของการดำเนินการสามารถแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากจำเป็นต้องดำเนินการพิสูจน์ความพร้อมใช้งานของข้อมูลในชั้นความพร้อมใช้งานของข้อมูลเท่านั้น และไม่จำเป็นต้องตรวจสอบสถานะและความถูกต้องของบล็อกผ่านการดำเนินการ

ที่สำคัญกว่านั้น การเป็นเลเยอร์ที่ "แยกจากกัน" หมายความว่าสภาพแวดล้อมการดำเนินการนั้น "เป็นอิสระจากรัฐ" Celestia และ Avail นั้น "เสียบปลั๊กได้" ในแง่ของบล็อกเชนเฉพาะแอปพลิเคชัน โดยไม่จำเป็นต้องบู๊ตสแตรปของตัวเอง จากนั้นชุดเครื่องมือตรวจสอบความถูกต้อง/ความเห็นพ้องต้องกันจะได้รับประโยชน์จาก ความปลอดภัยของมัน

นั่นคือ บล็อกเชนเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ปรับขนาดเครือข่ายได้ง่ายขึ้น แต่ยังได้รับความปลอดภัยของ Celestia/Avail (เลเยอร์ความพร้อมใช้งานของข้อมูลและเลเยอร์ฉันทามติ)

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากชั้นความพร้อมใช้งานของข้อมูลและชั้นฉันทามติไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม จึงต้องดำเนินการ "การดำเนินการ" เพื่อจัดการกับการดำเนินการธุรกรรมและการตรวจสอบ/การแก้ไขข้อพิพาท Celestia เสนอ Optimistic Rollups เป็นโซลูชัน ในขณะที่เสนอให้เพิ่มการรองรับ Rollup ให้กับ Cosmos SDK โดยพื้นฐานแล้ว โซลูชันนี้สร้างชั้นการดำเนินการบนชั้นความพร้อมใช้งานของข้อมูลและชั้นที่เป็นเอกฉันท์

โดยรวมแล้ว สภาพแวดล้อม "เลเยอร์ความพร้อมใช้งานของข้อมูลและเลเยอร์ฉันทามติ" มีความคล้ายคลึงกับสถานการณ์ในอนาคตที่จะสร้างขึ้นโดย ETH 2.0 ตัวอย่างเช่น Vitalik Buterin เขียนไว้ในแผนงาน Ethereum ที่เน้น Rollup-centric ว่า "ทุกคนสามารถจัดการส่วนการดำเนินการที่มีความปลอดภัยสูงเพียงชุดเดียว และชั้นความพร้อมใช้งานของข้อมูลที่ปรับขนาดได้"

หากเครื่องมือใหม่ของ Polygon สามารถสร้างชั้นการดำเนินการที่เชื่อถือได้และชั้นการดำเนินการที่เสถียรและสะดวกเหนือโซลูชันการปรับขนาดแบบออฟไลน์ เทคโนโลยีชั้นความพร้อมใช้งานข้อมูลที่ปรับขนาดได้นี้ดูเหมือนจะมีแนวโน้มที่ดี

ลิงค์แหล่งที่มา:

ลิงค์แหล่งที่มา:twitter.com