ข้อความต้นฉบับคือ " Stablecoin Treasury Company " แปลโดย Odaily Planet Daily jk

แมตต์ เลวีน เป็นคอลัมนิสต์ของ Bloomberg Opinion ครอบคลุมการเงิน และได้รับการจัดอันดับให้เป็นคอลัมนิสต์ที่มีผู้อ่านมากที่สุดใน Bloomberg Finance อย่างต่อเนื่อง เขาเคยเป็นบรรณาธิการของ Dealbreakers และเคยทำงานด้านวาณิชธนกิจที่ Goldman Sachs ในตำแหน่งทนายความด้านการควบรวมและซื้อกิจการที่ Wachtell, Lipton, Rosen & Katz และเป็นผู้พิพากษาสมทบในศาลอุทธรณ์สหรัฐอเมริกาประจำเขต 3

กลยุทธ์การจัดสรรสินทรัพย์ Stablecoin?

วิธีการซื้อขายมีดังนี้:

คุณก่อตั้งบริษัท และออกหุ้น 100 หุ้น ในราคาหุ้นละ 1 ดอลลาร์ ระดมทุนได้ทั้งหมด 100 ดอลลาร์ นำเงิน 100 ดอลลาร์นี้ไปซื้อ ______

ขณะนี้บริษัทมีหุ้นมูลค่า ______ อยู่ในบัญชี 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ และไม่มีหุ้นอื่นใดอีก ทำให้มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตลาดมีมุมมองเชิงบวกต่อ ______ อย่างมาก และราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 2 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น (คิดเป็นมูลค่าที่สูงกว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 100%) ทำให้มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 200 ดอลลาร์สหรัฐฯ

คุณออกหุ้นเพิ่มอีก 50 หุ้น ในราคาหุ้นละ 2 ดอลลาร์ ระดมทุนได้อีก 100 ดอลลาร์ คุณนำเงิน 100 ดอลลาร์นี้ไปซื้อหุ้นเพิ่ม ______ ตอนนี้คุณมีหุ้น ______ มูลค่า 200 ดอลลาร์ โดยมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 200 ดอลลาร์

มีหุ้นที่จำหน่ายแล้ว 150 หุ้น มูลค่าสินทรัพย์สุทธิอยู่ที่ 1.33 ดอลลาร์ต่อหุ้น ราคาหุ้นยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 2.66 ดอลลาร์ต่อหุ้น (ซึ่งยังคงสูงกว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 100%) โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 400 ดอลลาร์

คุณออกหุ้นเพิ่มอีก 50 หุ้นในราคาหุ้นละ 2.66 ดอลลาร์ ทำให้ระดมทุนได้ 133 ดอลลาร์ และยังคงซื้อ ______ ต่อไป

ผู้ถือหุ้นต่างรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง : "บริษัทนี้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นอย่างต่อเนื่องเป็น ______ ต่อหุ้น โดยใช้กลยุทธ์การบริหารเงินทุนที่ชาญฉลาดเพื่อทบต้นมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น ดังนั้น บริษัทจึงสมควรที่จะซื้อขายในราคาที่สูงกว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิ หากคุณซื้อ ______ โดยตรง คุณจะได้รับเพียงจำนวนคงที่ แต่การซื้อหุ้นของบริษัทจะทำให้คุณได้รับส่วนแบ่งที่เพิ่มขึ้นของ ______"

ตรรกะนี้มีข้อบกพร่องหรือไม่? ลองมาคุยกันดูนะครับ ถ้าคุณเติมคำว่า "Bitcoin" ในช่อง ______ นั่นคือแนวทางของ MicroStrategy กลยุทธ์นี้ได้ผลมาอย่างยาวนานกับกระแสเงินทุนไหลเข้าจำนวนมาก แม้ว่าค่าพรีเมียมจะลดลงเมื่อเร็วๆ นี้ก็ตาม ความสำเร็จของ MicroStrategy ดึงดูดผู้ติดตามจำนวนมาก ซึ่งบางคนก็กำลังสะสม Bitcoin, Ethereum, Trumpcoin, Dogecoin, ทองคำ หรือหุ้น GameStop อยู่ด้วย

ตามหลักการแล้ว ______ ควรมีเนื้อหาที่น่าสนใจและมีชีวิตชีวา ผมเคยพูดไปแล้วว่ามันควรจะ "เกี่ยวข้องกับคริปโต" แต่ประเด็นที่ผมอยากเน้นย้ำคือ สิ่งที่อยู่ใน ______ นั้นไม่ได้สำคัญอะไรนัก หัวใจสำคัญของธุรกรรมทั้งหมดนี้คือการบริหารจัดการเงินทุน ตราบใดที่คุณสามารถออกหุ้นในราคาพรีเมียมเพื่อซื้อสินทรัพย์ คุณก็สามารถเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์สุทธิต่อหุ้นได้ ซึ่งก็คุ้มค่ากับราคาพรีเมียมเช่นกัน การเพิ่มขึ้นของมูลค่าสินทรัพย์ที่ได้มานั้นแน่นอนว่าเป็นปัจจัยหนุน แต่ไม่ใช่ข้อกำหนด กลยุทธ์นี้ใช้ได้กับทุกสิ่งที่มีมูลค่า

ยกตัวอย่างเช่น เงินเองก็มีมูลค่า แล้วถ้าเป็น "ฉันออกหุ้นในราคาพรีเมียมและฝากเงินไว้ในธนาคาร เพราะเบี้ยประกันภัยช่วยให้ฉันเพิ่มเงินสดต่อหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง ฉันจึงสามารถออกหุ้นในราคาพรีเมียมต่อไปได้" ล่ะ? มาคุยกันดีกว่า! นี่มันฉวยโอกาสเกินไปไหม? แล้ว Stablecoin ล่ะ? Stablecoin เกี่ยวข้องกับคริปโตแน่นอน ใช่ไหม? แล้วถ้าเป็น "ฉันออกหุ้นในราคาพรีเมียมเพื่อลงทุนในสินทรัพย์คริปโต และโทเค็นคริปโตที่ฉันฝากไว้ใน Asset Vault ของฉันคือ USD Stablecoin" ล่ะ?

ผมหวังว่าจะมีคนทำแบบนี้ เพราะมันเป็นทั้งการเทรดที่ดีที่สุดและโง่ที่สุดที่ผมเคยเขียนถึงในคอลัมน์นี้ ผมควรลาออกจากงานแล้วไปเปิดบริษัทจัดการสินทรัพย์ USDT ซะ เท่าที่ผมรู้ ยังไม่มีใครทำแบบนั้นเลย จริงๆ แล้ววันนี้ผมได้รับข่าวประชาสัมพันธ์จาก StableX Technologies Inc. ซึ่งเปลี่ยนชื่อจาก AYRO Inc. เมื่อสองสัปดาห์ก่อน "เพื่อให้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์และการมุ่งเน้นใหม่ในการลงทุนในโทเคนพื้นฐานสำหรับอุตสาหกรรม Stablecoin ได้ดียิ่งขึ้น" ผมคาดการณ์ไว้แล้ว! แต่เปล่าเลย นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น:

StableX Technologies, Inc. หรือเดิมชื่อ AYRO, Inc. (NASDAQ: SBLX) ("StableX" หรือ "บริษัท") ประกาศในวันนี้เกี่ยวกับการเริ่มดำเนินการซื้อโทเค็น FLUID ซึ่งถือเป็นธุรกรรมแรกของบริษัทนับตั้งแต่ประกาศเน้นการลงทุนในโทเค็นพื้นฐานสำหรับอุตสาหกรรม Stablecoin

“การซื้อโทเค็น FLUID ครั้งแรกนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของบทใหม่ที่สำคัญสำหรับ StableX” James Altucher ผู้จัดการฝ่ายการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลของ StableX กล่าว ภายในเวลาไม่ถึงปี FLUID ได้เติบโตจากศูนย์สู่ผู้นำตลาดในการซื้อขาย stablecoin สร้างรายได้หลายล้านดอลลาร์ต่อเดือนและเติบโตอย่างก้าวกระโดดในชุมชน ด้วยปริมาณค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นนี้ FLUID จึงได้ประกาศโครงการซื้อคืนโทเคนโดยใช้รายได้ทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้ราคาของ FLUID ปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าการซื้อ FLUID จะเป็นการลงทุนครั้งแรกของ StableX ในพอร์ตโทเคนของอุตสาหกรรม stablecoin แต่เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะแจ้งให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทราบในขณะที่เรากำลังดำเนินการขยายพอร์ตโฟลิโอตามแผนที่วางไว้ ผ่านการเข้าซื้อสินทรัพย์มูลค่าสูงเพิ่มเติมในอุตสาหกรรม stablecoin การเปิดตัวกลยุทธ์ที่เราได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ โดยใช้ FLUID เป็นการซื้อครั้งแรก แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของการเข้าซื้อโทเคนพื้นฐานในอุตสาหกรรม stablecoin ในขณะที่อุตสาหกรรมยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เราเชื่อว่ากลยุทธ์การซื้อโทเคนนี้จะได้รับประโยชน์หลัก สร้างมูลค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย

น่าผิดหวังที่ FLUID ไม่ใช่ stablecoin แต่เป็นโทเคนหุ้น/การกำกับดูแลสำหรับโปรโตคอลการให้กู้ยืมและซื้อขายคริปโตแบบกระจายศูนย์ StableX ก็ไม่ใช่บริษัทจัดการสินทรัพย์ stablecoin เช่นกัน ไม่ได้ออกหุ้นเพื่อซื้อ stablecoin แต่เพื่อซื้อ "โทเคนที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรม stablecoin" ถึงอย่างนั้น มันก็ค่อนข้างใกล้เคียง

นอกจากนี้แน่นอน:

บรรดานักค้าต่างพากันเข้าซื้อหุ้นบริษัทบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งกำลังซื้อโทเค็นที่เชื่อมโยงกับโครงการสแกนม่านตาของ Sam Altman หัวหน้า OpenAI ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทพุ่งสูงขึ้นถึง 3,000% ภายในวันเดียว

Eightco Holdings ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ที่กำหนดเองและมีแผนกการจัดการสินค้าคงคลังอีคอมเมิร์ซ ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่าบริษัทจะดำเนินกลยุทธ์ "ครั้งแรกของประเภทนี้" ด้วยการเข้าซื้อโทเค็น Worldcoin ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของโครงการระบุตัวตนดิจิทัล Ultraman World

จะเปลี่ยนสัญลักษณ์หุ้นเป็น ORBS (หมายเหตุ Odaily: ฮาร์ดแวร์ทรงกลมของ Worldcoin สำหรับการรวบรวมข้อมูลม่านตา)

การควบรวมและซื้อกิจการ Blockchain!

เมื่อไม่นานมานี้ เราได้พูดคุยกันถึงหัวข้อ "การผสานรวมกิจการด้วย AI (AI M&A Integration)" การผสานรวมกิจการด้วย AI เกี่ยวข้องกับการที่ผู้ซื้อเข้าซื้อกิจการกลุ่มบริษัทขนาดเล็กในอุตสาหกรรมเดียวกัน หลักการทางทฤษฎีสำหรับเรื่องนี้คือ (1) การประหยัดจากขนาด (Economies of Scale) และ (2) ผู้ซื้อมีทักษะหรือเทคโนโลยีทั่วไปบางอย่างที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับแต่ละบริษัทได้ ทำให้ทุกบริษัทมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย ทั่วไปแล้ว การผสานรวมกิจการด้วย AI (M&A Integration) มักดำเนินการโดยบริษัทไพรเวทอิควิตี้ และทฤษฎีเบื้องหลังแนวทางนี้ ได้แก่ ความสามารถในการกู้ยืมเงิน การควบคุมต้นทุน การปรับแรงจูงใจ และการให้นักศึกษา MBA จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเข้ามาบริหารงานด้านประปา ล้วนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างกว้างขวางและสามารถพัฒนาธุรกิจได้มากมาย

แต่การควบรวมกิจการและซื้อกิจการ AI ได้รับความนิยมมากขึ้นในระยะหลัง ซึ่งมักขับเคลื่อนโดยเงินร่วมลงทุน (Venture Capital) ซึ่งแทนที่จะโยน MBA จากฮาร์วาร์ดให้กับบริษัทเล็กๆ หลายแห่ง พวกเขากลับโยนโมเดล AI เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) ให้กับบริษัทเหล่านั้น พูดอย่างเป็นนามธรรมก็คือ หากคุณมีเทคโนโลยีธุรกิจอเนกประสงค์ที่ทรงพลังและต้องการการขยายขนาดและความซับซ้อนในการใช้งาน เช่น AI หรือ Leveraged Finance คุณก็สามารถสร้างมูลค่าได้ด้วยการนำเทคโนโลยีนั้นมาปรับใช้ให้มีขนาดและความซับซ้อน เหมือนกับการเข้าซื้อกิจการบริษัทที่ไม่สามารถทำได้

อีกหัวข้อหนึ่งที่เราเคยพูดคุยกันบ่อยๆ แต่ไม่ได้พูดถึงมานานหลายปีแล้ว คือ "บล็อกเชน บล็อกเชน บล็อกเชน" เท่าที่ผมจำได้คร่าวๆ แนวคิดในตอนนั้นคือ "บล็อกเชน" ซึ่งเป็นเทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทแบบกระจายศูนย์ที่ได้รับความนิยมจาก Bitcoin จะปฏิวัติวงการธุรกิจและเทคโนโลยี ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ธนาคารสามารถ... โอนเงิน... และตลาดหลักทรัพย์สามารถ... ซื้อขายหุ้น... ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ทุกคนตื่นเต้นกันมากในตอนนั้น แต่ผมจำไม่ได้ว่าทำไม ตอนนี้ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าบล็อกเชนถูกลืมไปแล้วเมื่อ ChatGPT ออกมา แม้ว่าศักยภาพในการปฏิวัติวงการตามทฤษฎีของบล็อกเชนจะยังมาไม่ถึงในอนาคตอันใกล้ แต่ AI เชิงสร้างสรรค์ (generative AI) ซึ่งเป็นหน้าต่างแชทที่คุณสามารถถามคำถามและได้รับคำตอบนั้นมีความชัดเจนมากกว่า นั่นเป็นเหตุผลที่การลงทุนร่วมทุนด้านคริปโตจึงเปลี่ยนมาเป็นการลงทุนร่วมทุนด้าน AI

แต่ถ้าคุณจริงจังกับบล็อกเชน มีวิธีที่จะผสานสองแนวคิดนี้เข้าด้วยกันได้ นั่นก็คือ การควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ด้วยบล็อกเชน คุณตั้งกองทุนไพรเวทอิควิตี้ ระดมทุน แล้วเข้าซื้อกิจการธุรกิจขนาดเล็ก เช่น บัญชี กำจัดแมลง ประปา หรือธุรกิจอื่นๆ จากนั้นคุณใช้เทคโนโลยีอเนกประสงค์ที่ทรงพลังและซับซ้อน ซึ่งในกรณีนี้คือบล็อกเชน เพื่อทำให้ธุรกิจเหล่านี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากบล็อกเชนมีประสิทธิภาพมากและใช้งานยากสำหรับช่างประปาหรือนักบัญชี คุณจึงสามารถสร้างมูลค่ามหาศาลได้ด้วยวิธีนี้

ฉันไม่เคยคิดถึงแนวคิดเฉพาะเจาะจงนี้เลย ด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่รายงานของ Wall Street Journal เกี่ยวกับใครบางคนที่กำลังทำการ M&A ด้านบล็อคเชนมีดังนี้:

Inversion Labs ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในนิวยอร์ก วางแผนที่จะซื้อกิจการบริษัทที่มีกำไรต่ำ ติดตั้งบล็อคเชนให้กับบริษัทเหล่านั้นเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ จากนั้นจึงเก็บเกี่ยวกำไรที่ตามมา

“เทคโนโลยีนี้ทรงพลัง แต่ความจริงก็คือมีผู้ใช้งานคริปโทเคอร์เรนซีที่ใช้งานอยู่ไม่ มากนัก” ซานติอาโก โรเอล ซานโตส ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Inversion กล่าว “เป้าหมายของเราคือการทำให้ผู้ใช้มองไม่เห็นคริปโทเคอร์เรนซี พวกเขาอาจมองไม่เห็นวิธีการทำงานของเทคโนโลยี แต่พวกเขาสามารถรู้สึกถึงผลกระทบได้ มันจะเร็วขึ้น ดีขึ้น และถูกกว่า”

Dannheim กล่าวว่า Inversion จะมุ่งเป้าไปที่บริษัทเอกชนและบริษัทมหาชนที่มีฐานผู้ใช้ขนาดใหญ่และมีโครงสร้างพื้นฐานภายในที่พวกเขาเชื่อว่าเหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนแปลงบล็อคเชน

“คุณสามารถรับและฝังมันลงในผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้ หรือคุณสามารถลบระบบปฏิบัติการที่ไม่ดีออกและแทนที่ด้วยระบบปฏิบัติการที่ดีกว่าที่ใช้บล็อคเชน” Dannheim กล่าว

Inversion มุ่งเป้าไปที่บริษัทโทรคมนาคมในอเมริกาใต้เป็นหลัก และได้ยื่นเป้าหมายการเข้าซื้อกิจการหลายรายการแล้ว เดนไฮม์กล่าวว่าบล็อกเชนอาจช่วยให้บริษัทเหล่านี้ลดต้นทุนการจัดหาข้อมูล รวมถึงการปรับปรุงอื่นๆ

ทำไมจะไม่ล่ะ? ย้อนกลับไปในยุครุ่งเรืองของบล็อกเชน (ปี 2017) ผมได้รับข่าวประชาสัมพันธ์หลายฉบับเกี่ยวกับ Dentacoin (บล็อกเชนสำหรับทันตแพทย์) ทุกสัปดาห์ บางทีอาจมีโอกาสสำหรับการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ที่นั่นด้วยเช่นกัน