โทเค็นชื่อเสียง โซเชียลการ์ดสำหรับโลก Web3?

แปล: PonziCurator

บทความนี้มาจาก SeeDAO

บทความนี้มาจาก SeeDAO

คิดคำถามใหม่:ใน metaverse แบบกระจายอำนาจตามชุมชน เราควรสร้างกลไกชื่อเสียง กลไกการยอมรับ และกลไกรางวัลให้ดีขึ้นอย่างไร

* หมายเหตุของผู้แปล

อิทธิพล กิจกรรม และการมีส่วนร่วม (ตามลำดับความสำคัญ) เป็นองค์ประกอบและมาตรวัดของชื่อเสียงส่วนบุคคล สถานะ สิทธิพิเศษ และรางวัลถือเป็นข้อเสนอแนะในเชิงบวกที่ชื่อเสียงส่วนบุคคลมอบให้กับบุคคล

ในฐานะที่เป็น "ลิง" ที่อาศัยอยู่ภายใต้ลำดับชั้น มนุษย์จึงมีแนวโน้มโดยธรรมชาติที่จะแสวงหาความรู้สึกเป็นเจ้าของและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เราทั้งคู่พยายามทำตัวให้พอดีและโดดเด่นกว่าใคร เราเดินทางผ่านชุมชนต่างๆ และแสดงตัวตนที่แตกต่างกันมากมาย และเรียนรู้วิธีย้ายอย่างยืดหยุ่นระหว่างลำดับชั้นต่างๆ

แต่ละชุมชนมีลำดับชั้นเฉพาะของตนเองที่กำหนดวิธีที่สมาชิกสร้างชื่อเสียง สะสมทุนทางสังคม และได้รับการยอมรับและรางวัลจากชุมชน เพื่อช่วยให้สมาชิกรวมเข้ากับชุมชนและมีโอกาสโดดเด่น ชุมชนมักจะกำหนดบรรทัดฐานภายในชุดหนึ่งและชุดที่เกี่ยวข้อง"และ"และ"หลักฐานการเข้าร่วม". ภายใต้กลไกฉันทามติ (Proof of X) สมาชิกสามารถแสดง"พิสูจน์ความสามารถ"、"หลักฐานของกิจกรรม"และอื่น ๆ สะสมทุนทางสังคมอย่างต่อเนื่อง"Proof of X"กลาง"X"อาจเป็นพฤติกรรมที่สอดคล้องหรือการสนับสนุนที่มีคุณค่าต่อชุมชนและวิสัยทัศน์

วิธีสร้างกลไกการสะสม การยอมรับ และรางวัลของทุนทางสังคม"วิธีสร้างกลไกการสะสม การยอมรับ และรางวัลของทุนทางสังคม"กระจายอำนาจ"กระจายอำนาจ"กลไกฉันทามติจะไม่ถูกกำหนดโดยแพลตฟอร์มส่วนกลางหรือคนกลางเพียงรายเดียว ชุมชนสามารถกำหนดชุดพิเศษใหม่ได้"Proof-of-X"กลไกฉันทามติจะไม่ถูกกำหนดโดยแพลตฟอร์มส่วนกลางหรือคนกลางเพียงรายเดียว ชุมชนสามารถกำหนดชุดพิเศษใหม่ได้"Proof-of-X"กลไก. ด้วยการใช้โทเค็นและสัญญาอัจฉริยะ กลไกนี้สามารถแมปกับชื่อเสียงและรูปแบบรางวัลที่แตกต่างกัน เพื่อให้แน่ใจว่ามาตรฐานสิ่งจูงใจที่สอดคล้องกันและการเพิ่มมูลค่ารวมให้ได้สูงสุด

เป็นความจริงที่ว่าชื่อเสียงและสถานะเป็นตัวบ่งชี้ระดับชั้นทางสังคม 2 อย่าง แต่สิ่งนี้ไม่ใช่"เกมผลรวมเป็นศูนย์". เป็นที่ยอมรับว่าเกี่ยวข้องกับการเล่นเกมซึ่งผู้คนต่างปรารถนาที่จะเลื่อนตำแหน่งกระดานผู้นำของชุมชนและแสดงตราแห่งความสำเร็จให้สมาชิกคนอื่นเห็น นอกจากนี้ ชุมชนส่วนใหญ่ปฏิบัติตามกฎ 1/9/90 [1] กล่าวคือ มีคนจำนวนน้อยเท่านั้นที่บริจาคเงินจำนวนมากและมีค่า

แต่ฉันเชื่อว่าภูมิหลังที่หลากหลายและทักษะที่หลากหลายของสมาชิกจะช่วยให้ชุมชนเติบโต ชุมชนที่ราบเรียบสามารถกระตุ้นให้สมาชิกมีส่วนร่วมมากขึ้นและบรรลุการพัฒนาที่ครอบคลุมโดยการสร้างกลไกการยอมรับและให้รางวัลสำหรับการมีส่วนร่วมที่หลากหลายของสมาชิก แตกต่างจากลีดเดอร์บอร์ดพิเศษหรือระบบคะแนนมิติเดียว โมเดลนี้สามารถดึงดูดสมาชิกให้เข้าร่วมในกิจกรรมที่หลากหลายมากขึ้น สวมบทบาทที่หลากหลาย และรับบทบาทที่สอดคล้องกัน"ป้าย". ชุมชนรับรู้ตราหรือโทเค็นเป็น"สัญญาณทางสังคม"ใช้เพื่อระบุลักษณะผลงานหรือความสำเร็จเฉพาะของสมาชิก ในขณะเดียวกันก็จะเชื่อมโยงกับการอนุญาตและสิทธิพิเศษบางอย่าง ตัวอย่างเช่น ฟังก์ชันและสิทธิประโยชน์บางอย่างมีให้เฉพาะสมาชิกที่มีสถานะหรือชื่อเสียงระดับหนึ่งเท่านั้น และผู้มีส่วนร่วม สิ่งนี้ทำให้สถานะของพวกเขาสูงขึ้น

แม้ว่าสิ่งเหล่านี้"โทเค็นชื่อเสียง"แสดงถึงการมีส่วนร่วมหรือความสำเร็จต่าง ๆ แต่สิ่งที่พวกเขามีเหมือนกันคือพวกเขาทั้งหมดไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกันและไม่สามารถถ่ายโอนได้ วิธีเดียวที่จะได้รับโทเค็นเหล่านี้คือการจ่ายค่าแรงงานและบริจาค และการซื้อหรือแลกเปลี่ยนเพื่อทดแทนจะไม่ทำงาน ไม่สามารถโอนให้สมาชิกคนอื่นได้ และไม่สามารถรีไซเคิลในชุมชนอื่นได้ เนื่องจากผลงานและความสำเร็จที่พวกเขาเป็นตัวแทนนั้นขึ้นอยู่กับบรรทัดฐานภายในและลำดับชั้นของแต่ละชุมชน แต่,"โทเค็นชื่อเสียง"เป็น"สัญญาณทางสังคม"ยังสามารถทำงานนอกชุมชนเดียว พวกมันอยู่ในแผนที่โซเชียลและดำเนินการต่อ สร้างระบบระบุตัวตนแบบกระจายอำนาจและพกพาได้ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของโลก Web3. เมื่อชุมชนมีปฏิสัมพันธ์ พวกเขาสามารถขึ้นอยู่กับระดับสมาชิกที่เกี่ยวข้องและ"โทเค็นชื่อเสียง"กำหนดค่าและหน้าที่ต่างๆ

ไม่มีสูตรการวัดมูลค่าที่เหมาะกับทุกสูตร แต่ฉันยังคงพยายามสรุปเทมเพลตและแบ่งเกณฑ์การวัดออกเป็นสามส่วน ได้แก่ การมีส่วนร่วม กิจกรรม และอิทธิพลท้ายที่สุดแล้ว คุณค่าทางสังคมและการเงินของชุมชนใดๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้"กิจกรรมชุมชน"ระบบพิกัดนี้ใช้สำหรับการประเมิน แกนนอนแสดงความกว้างของชุมชน (จำนวนผู้ใช้) และแกนตั้งแสดงระดับการมีส่วนร่วมของผู้ใช้

ในช่วงแรกสมาชิก"การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน"สามารถนับเป็นผลงานที่มีคุณค่า โดยปกติแล้ว กิจกรรมของโครงการหรือแพลตฟอร์มจะวัดจากกิจกรรมรายวัน (DAU) หรือ DAU/MAU (อัตราส่วนของกิจกรรมรายวันต่อกิจกรรมรายเดือน ซึ่งแสดงถึงกิจกรรมสัมพัทธ์ของชุมชน) การมีส่วนร่วมของสมาชิก - แม้ว่าเท่านั้น"การมีส่วนร่วมแบบพาสซีฟ"- ได้สื่อสารความสนใจและข้อกังวลของพวกเขาต่อชุมชนและมีส่วนร่วมในผลกระทบโดยรวมของชุมชน

อย่างไรก็ตามการกระตุ้นเท่านั้น"การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน"เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งร่วมกันของชุมชน"การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน"มีหลายรูปแบบ แต่มักจะเริ่มต้นด้วยการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกและชุมชน (เช่น การมีส่วนร่วมในเนื้อหาและการสื่อสารภายในองค์กร) จากนั้นจึงค่อย ๆ ปล่อยให้พวกเขาสร้างอิสระและร่วมกัน จากนั้นจึงมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในผลผลิตของชุมชนเพื่อร่วมกัน เพิ่มมูลค่าชุมชน

อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างในน้ำหนักมูลค่าของกิจกรรมต่างๆ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการดีนอยส์ของสัญญาณ ด้วยการสร้างสูตรที่ถูกต้องในสัญญาอัจฉริยะ ระบบชื่อเสียงจะถูกสร้างขึ้นเพื่อระบุกิจกรรมที่มีคุณค่าและข้อเสนอแนะในเชิงบวกที่กำหนดไว้ภายในชุมชนโดยอัตโนมัติ กล่าวอีกนัยหนึ่ง แพลตฟอร์มจะให้คะแนนตามมูลค่าที่สมาชิกสร้างขึ้น ในระบบชื่อเสียงดังกล่าว ค่าน้ำหนักของอิทธิพลจะมากกว่ากิจกรรม และน้ำหนักของกิจกรรมจะมากกว่าการมีส่วนร่วม

นอกเหนือจากการช่วยให้สมาชิกสร้างชื่อเสียงและรับโทเค็นแล้ว ระบบยังมีความสำคัญมากกว่าในการรักษาสิ่งจูงใจสำหรับผู้สนับสนุนและนักเคลื่อนไหวในระยะยาวค่าเสื่อมราคาจำเป็นต้องนำเข้าสู่ระบบคะแนนชื่อเสียง เช่น อิทธิพล กิจกรรม และความใหม่ของการมีส่วนร่วมเป็นปัจจัยถ่วงน้ำหนักที่สำคัญในกระบวนการสร้างชื่อเสียงและการกำหนดมูลค่าดังนั้น หากกิจกรรมและการมีส่วนร่วมของสมาชิกลดลงอย่างมาก สมาชิกจะสูญเสียสถานะเดิมและสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รูปแบบนี้คล้ายกับโปรแกรมความภักดีในชีวิตจริง: คุณสามารถรับสิทธิพิเศษต่อไปได้เหมือนทุกครั้งหากคุณยังคงได้รับรางวัลต่อไป

ดังนั้น เป็นไปได้หรือไม่ที่จะปลดเปลื้องชื่อเสียงที่ไม่เป็นเนื้อเดียวกันและรางวัลที่เป็นเนื้อเดียวกัน เพื่อให้สมาชิกในชุมชนสามารถแบ่งปันมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สร้างขึ้นได้ ระบบโทเค็นคู่ช่วยแก้ปัญหา

ในระบบโทเค็นคู่ คะแนนและโทเค็นอยู่ร่วมกัน และทุนทางสังคมสามารถจับคู่กับทุนทางการเงินและทุนได้ ชุมชนโดยการออก"โทเค็นระดับ"โทเค็นรางวัล"โทเค็นรางวัล"รางวัลที่เป็นเนื้อเดียวกันนี้สมาชิกสามารถแลกเป็นเงินสดหรือสิ่งอื่น ๆ ได้ตามต้องการและยังสามารถแลกเป็นสิทธิพิเศษเพิ่มเติมได้อีกด้วย

ภายใต้การรวมกันของโทเค็นคู่ แพลตฟอร์มสามารถแสดงการยอมรับและแรงจูงใจแก่ผู้เข้าร่วมสำหรับการมีส่วนร่วมที่มีคุณภาพสูง (เช่น การสร้างเนื้อหา การกำกับดูแลการตรวจสอบ การสร้างชุมชน และการส่งเสริมการขาย) พวกเขาสร้างระบบสิ่งจูงใจคู่ที่ช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการสร้างสรรค์ร่วมกัน ออกโดย"โทเค็นรางวัล"และ"โทเค็นรางวัล"(ทั้งคู่เป็นโทเค็นทางสังคม) สมาชิกและผู้สร้างจะแบ่งปันในทุนทางสังคมและคุณค่าทางอรรถประโยชน์ที่พวกเขาสร้างขึ้น ชุมชนโทเค็นจะเชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจของผู้สร้างที่มีอยู่และทำให้เป็นระบบเศรษฐกิจการเป็นเจ้าของที่แท้จริง สมาชิกชุมชน ผู้บริโภค และแฟนๆ สามารถติดต่อโดยตรงกับไอดอล ครีเอเตอร์ และแบรนด์ที่พวกเขาชื่นชอบ และแบ่งปันคุณค่าของการสร้างสรรค์ร่วมกัน

ในโลกของ Web3 ระบบระบุตัวตนแบบกระจายศูนย์จะติดตามและบันทึกการเคลื่อนไหว การมีส่วนร่วม และความสำเร็จ (รวมถึง URL และ IRL) ของทุกคนในชุมชน และสร้างสมุดบันทึกที่ไม่เปลี่ยนรูป ซึ่งบันทึก"เช่นเดียวกับ"เช่นเดียวกับ"ตำแหน่งของเรา". ซึ่งหมายความว่าการมีส่วนร่วมของเราในชุมชนสามารถรวบรวมและนำไปใช้กับสถานการณ์ที่หลากหลายขึ้น

การเก็งกำไร"การเก็งกำไร". เพื่อให้เกิดการโต้ตอบในลักษณะนี้ จำเป็นต้องสร้างมาตรฐานที่เป็นเอกภาพซึ่งอนุญาตให้ผู้คนแสดงคอลเล็กชันข้อมูลประจำตัวดิจิทัลของตนเอง และสามารถดำเนินการวิเคราะห์หลายปัจจัยในข้อมูลประวัติย่อและข้อมูลชื่อเสียงส่วนบุคคลแบบหลายแง่มุมและสามมิติ

สรุปแล้ว ผู้คนสนใจรูปร่างหน้าตาของคุณมากกว่าเชื้อชาติหรือเพศ"คุณทำอะไร". ที่สำคัญกว่านั้น ที่นี่ ตราบใดที่คุณมีส่วนร่วม คุณจะมีโอกาสได้รับการยอมรับและรางวัลที่คุณสมควรได้รับ

[1] หมายเหตุผู้แปล: สมมติฐานนี้เสนอโดย Jakob Nielsen ในปี 2549 ซึ่งหมายความว่าในชุมชนออนไลน์ 90% ของผู้เข้าร่วมดูเนื้อหาโดยไม่ได้มีส่วนร่วมในการโต้ตอบ 9% ของผู้ใช้จะเข้าร่วมในการสนทนา และ มีผู้ใช้เพียง 1% เท่านั้นที่จะสร้างเนื้อหา