ข้อมูลจากกรมสรรพากรอินโดนีเซียระบุว่า ณ ปีนี้ รายได้ภาษีสกุลเงินดิจิทัลประจำปีของอินโดนีเซียอยู่ระหว่าง 50,000 ล้านถึง 60,000 ล้านรูเปียห์ (ประมาณ 31.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึง 36.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยในปีแรกของปี 2565 มีการจัดเก็บภาษี 24,600 ล้านรูเปียห์ ลดลงเหลือ 22,000 ล้านรูเปียห์ในปี 2566 และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 62,000 ล้านรูเปียห์ในปี 2567 และจัดเก็บภาษีได้ 11,500 ล้านรูเปียห์ในปี 2568
รัฐบาลอินโดนีเซียเพิ่งปรับปรุงนโยบายกำกับดูแลสกุลเงินดิจิทัล โดยเพิ่มอัตราภาษีสำหรับแพลตฟอร์มต่างประเทศเป็น 1% และปรับอัตราภาษีสำหรับแพลตฟอร์มในประเทศเป็น 0.21% พร้อมกันนี้ ยังได้ยกเลิกภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ซื้อและจัดประเภทสินทรัพย์ดิจิทัลใหม่เป็นสินทรัพย์ทางการเงิน โดยให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานบริการทางการเงิน (Financial Services Authority)
ปัจจุบัน จำนวนผู้ใช้คริปโตในอินโดนีเซียมีมากกว่า 20 ล้านคน ซึ่งมากกว่าจำนวนนักลงทุนในตลาดหุ้นในประเทศ กรมสรรพากรระบุว่าความผันผวนของราคาสินทรัพย์คริปโตจะยังคงส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีในอนาคต (TECHINASIA)
