หมายเหตุบรรณาธิการ: บทความนี้มาจากข่าวลูกโซ่ ChainNews (ID: chainnewscom)ข่าวลูกโซ่ ChainNews (ID: chainnewscom)

โดย Haseeb Qureshi หุ้นส่วนผู้จัดการ Dragonfly Capital แปลโดย Lu Jiangfei จัดพิมพ์โดยได้รับอนุญาต

Uniswap V3 เพิ่งเปิดตัวและมีแนวคิดเชิงลึกอยู่สองสามอย่าง ฉันจำได้ว่าในช่วงต้นปี 2020 Hayden ผู้ก่อตั้ง Uniswap ได้พูดคุยเกี่ยวกับแนวคิดที่เกี่ยวข้อง และตอนนี้เขาได้เปลี่ยนแนวคิดเหล่านี้ให้เป็นจริงในที่สุด! ที่นี่ ฉันหวังว่าจะอธิบายความเข้าใจเกี่ยวกับ Uniswap V3 และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แนวคิดนี้ค่อนข้างหยาบ ดังนั้นเรามาเริ่มกันเลย

ใน Uniswap V2 ในปัจจุบัน สภาพคล่องทั้งหมดมีให้ตามกฎของเส้นโค้งผลิตภัณฑ์คงที่ จาก 0 ถึงอนันต์ รูปแบบนี้จะนำไปสู่ประสิทธิภาพของเงินทุนต่ำของ Uniswap V2 เราได้ค้นพบปัญหานี้แล้วในสถานการณ์จริง - ตอนนี้ Uniswap มีปริมาณการล็อคอยู่ที่ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่ปริมาณธุรกรรมเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น (คิดเป็น 20%) ซึ่งค่อนข้างต่ำ รูป.

นอกจากนี้ยังหมายความว่ามีสภาพคล่องน้อยมากที่รวมศูนย์ แต่คู่การซื้อขายหนึ่งคู่อาจจัดการกับการซื้อขายส่วนใหญ่ได้ เงินทุนจำนวนมากถูกสงวนไว้เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ว่าสินทรัพย์จะสามารถเติบโตได้ 2 เท่า 5 เท่า หรือแม้แต่ 100 เท่า ตามแนวโน้มเส้นการเติบโตของผลิตภัณฑ์ที่คงที่ จะยังคงมีสภาพคล่องเหลือสำหรับตลาด

Uniswap V3 ได้เพิ่มประสิทธิภาพนี้ และตอนนี้ผู้ให้บริการสภาพคล่อง (LP) สามารถกำหนดช่วงราคาสำหรับการจัดหาสภาพคล่อง (เช่น การจัดหาสภาพคล่องเมื่อราคาของคู่ซื้อขาย ETH/USDC อยู่ในช่วง $1,600 ถึง $1,800) คำถามเกิดขึ้นเมื่อฉันได้ยินแนวคิด: Uniswap จะทำทั้งหมดนี้บนเครือข่ายได้อย่างไร เนื่องจากคุณต้องการโครงสร้างแบบต้นไม้ที่ดีกว่าเพื่อติดตามตำแหน่งของผู้ให้บริการสภาพคล่องทั้งหมด

Uniswap V3 ให้คำตอบ: การหาปริมาณ!

แทนที่จะใช้คณิตศาสตร์ที่ไร้ประสิทธิภาพ พวกเขาแบ่งเส้นโค้งราคาโดยรวมออกเป็น "ถังเล็กๆ" และเรียกพวกเขาว่า "เห็บ" (แม้ว่าฉันจะเรียกมันว่า "ถัง") "ถังขนาดเล็ก" แต่ละอันเปรียบเสมือนผู้ดูแลสภาพคล่องอัตโนมัติขนาดเล็ก (AMM) และช่วงราคาก็เล็กมากเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ช่วงราคาของคู่ซื้อขาย USDC/ETH คือ 1705-1710 ดอลลาร์สหรัฐ

อย่างที่คุณจินตนาการได้ว่า "small bucket" แต่ละรายการมีผู้ให้บริการสภาพคล่องอิสระของตนเอง หากธุรกรรมใด ๆ หมดสภาพคล่องใน "small bucket" ธุรกรรมที่เหลือจะเข้าสู่ "small bucket" ถัดไป " ธุรกรรมที่มี Slippage ต่ำจะไม่ได้รับอนุญาตให้ครอบคลุม "Small Buckets" หลายรายการ (แต่ละ "Tick" มีความจุเพียงเล็กน้อย เช่น เพียง 0.1% ของ Liquidity Pool)

ซึ่งหมายความว่า ในฐานะผู้ให้บริการสภาพคล่อง หากคุณให้สภาพคล่องเมื่อช่วงราคาของคู่ซื้อขาย USDC/ETH อยู่ที่ 1600-1800 USD สภาพคล่องจะถูกฝากจริงใน 100 "ถังขนาดเล็ก" (ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของ การคำนวณ). หลายคนสังเกตเห็น: โมเดลนี้ดูเหมือนหนังสือสั่งซื้อมาก ใช่ มันเหมือนนิดหน่อย!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง Uniswap V3 ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับเลเยอร์ 2 เมื่อ Uniswap V3 ออนไลน์ จะมีเงินน้อยลงในเลเยอร์ 2 แต่ต้นทุนของการซื้อขายที่ใช้งานอยู่และการจัดการตำแหน่ง และรูปแบบสมุดคำสั่งธุรกรรมจะลดลง Uniswap V3 สามารถปรับปรุงสภาพคล่องส่วนกลางและประสิทธิภาพของเงินทุนได้อย่าง "หรูหรา"

อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกรรมเหล่านั้นที่ครอบคลุมหลาย "บัคเก็ต" ค่าใช้จ่ายอาจสูงขึ้น (ธุรกรรมการแลกเปลี่ยนโทเค็นระหว่าง 3 "บัคเก็ต" เปรียบเสมือนการแลกเปลี่ยนโทเค็นบนแพลตฟอร์ม Uniswap 3 แพลตฟอร์ม) นอกจากนี้ ต้นทุนการทำธุรกรรมของการถอนสภาพคล่องและการฝากเงินระหว่าง "ถังขนาดเล็ก" หลายถังก็จะมีราคาแพงกว่าเช่นกัน (อย่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาใหญ่ในเลเยอร์ 2) Trail of Bits ให้ความเห็นบางส่วนในรายงานการตรวจสอบดังที่แสดงในภาพด้านล่าง:

สมมติว่ามีผู้ให้บริการสภาพคล่องจำนวนมากใน "ถังขนาดเล็ก" ต้นทุนทางบัญชีจะสูงขึ้นหรือไม่? สำหรับปัญหานี้ การตรวจสอบอาจมีความสำคัญมากกว่า แต่ฉันไม่ได้ปฏิบัติตามตรรกะนี้อย่างเต็มที่ เนื่องจากฉันไม่เห็นช่องโหว่ใดๆ ในผู้ให้บริการสภาพคล่อง (ปัญหานี้มีผลกับ "ถังขนาดเล็ก" ที่มีขนาดเล็กมากเท่านั้นหรือไม่ )

Uniswap อ้างว่า V3 มีประสิทธิภาพการใช้ก๊าซมากกว่า V2 แต่ข้อความนี้อาจเป็นจริงก็ต่อเมื่อตรงตามเงื่อนไขบางประการ (เช่น ธุรกรรมที่ขยาย "ถัง" จำนวนเล็กน้อย) การจัดหาสภาพคล่องจะแพงขึ้น แต่ก็ไม่เป็นไร ผู้ใช้ควรปรับต้นทุนก๊าซและต้นทุนการจัดหาสภาพคล่องให้เหมาะสมสำหรับผู้ใช้ (ดูความเห็นของผู้ตรวจสอบด้านล่าง):

เอาล่ะ การจัดสรรสภาพคล่องตอนนี้ "ฉลาด" มากขึ้น - คุณต้องกำหนดช่วงราคา - แต่ถ้าโมเดลนี้สร้างสภาพคล่องได้มากขึ้นจริง ๆ ก็จะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับทุกคนใช่ไหม

เทรดเดอร์สามารถสร้างรายได้! ผู้ดูแลสภาพคล่องสามารถรับ! อย่างไรก็ตาม ผู้ให้บริการสภาพคล่องทั่วไปอาจไม่สามารถสร้างรายได้!

บางคนพบปัญหานี้

หากคุณเป็นผู้ให้บริการสภาพคล่องที่ขี้เกียจ มีแนวโน้มว่าคุณจะกำหนดช่วงราคาที่กว้าง เช่น 1,000-3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยตรง แล้วฝากเงินภายในช่วงนี้ ถัดไป สภาพคล่องของคุณจะถูกแบ่งเท่าๆ กันในแต่ละ "ถังขนาดเล็ก" แต่จำนวนเงินที่จัดสรรในแต่ละ "ถังขนาดเล็ก" นั้นต่ำมาก

ปัญหาคือมีธุรกรรมน้อยมากที่เสร็จสิ้นใน "ถัง" และธุรกรรมส่วนใหญ่จะครอบคลุมหลาย "ถัง" (ราคาของ "ถัง" เหล่านี้โดยพื้นฐานแล้วจะตั้งไว้ที่ราคากลางของตลาด) ซึ่งหมายความว่าสิ่งเหล่านี้ "ถัง" อาจแออัดมากเพราะค่าธรรมเนียมเกือบทั้งหมดถูกสร้างขึ้นใน "ถัง" ไม่กี่แห่งเหล่านี้ ดังนั้นนั่นคือจุดที่มืออาชีพทุกคนมีแนวโน้มที่จะสำรองสภาพคล่องไว้

สำหรับผู้ดูแลสภาพคล่อง นักขุด และผู้เชี่ยวชาญด้าน DeFi อื่นๆ พวกเขาจะกำหนดตำแหน่งการจัดหาสภาพคล่องให้ใกล้กับราคากลางของตลาด จากนั้นจึงเข้าและออกจาก "ถังขนาดเล็ก" ที่มีปริมาณมาก ในขณะเดียวกัน การทำธุรกรรมของนักลงทุนรายย่อยทั่วไปจะถูกปกคลุมด้วย "ถังขนาดเล็ก" จำนวนมาก ซึ่งหมายความว่าพวกเขาลงเอยด้วยส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างต่ำ!

คุณหาเจอไหม? ใน Uniswap เวอร์ชันเก่า กลไกการจัดหาสภาพคล่องที่ไม่ต้องคิดถึงเรื่อง "ซื้อเท่าที่ใช้" ทำให้เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับทุกคนในการจัดหาสภาพคล่อง เนื่องจากไม่มีกลไกการแข่งขันในการจัดหาสภาพคล่องใน Uniswap เวอร์ชันเก่า “ในกลยุทธ์ ทุกคนแบ่งรายได้ของ Liquidity Pool เป็นสัดส่วนกัน

แต่ใน Uniswap เวอร์ชันใหม่ ผู้ให้บริการสภาพคล่องทุกรายจำเป็นต้องแข่งขันกัน หากกลยุทธ์ของคุณไม่ได้รับการตั้งค่าที่ดี คุณจะได้รับผลตอบแทนที่ต่ำมาก จากแบบจำลองนี้ คาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมเกือบทั้งหมดใน Uniswap v3 ในอนาคตจะถูกนำออกไปโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีการจัดการ ในทางหนึ่ง Uniswap V3 กลายเป็นเรื่องแปลก คล้ายกับ Kyber เล็กน้อย ผู้ดูแลสภาพคล่องหลายรายต้องอัปเดตราคาออนไลน์บ่อยๆ

Uniswap อธิบายสิ่งนี้ในบล็อกโพสต์ พวกเขาคาดหวังว่าจะมีบทบาทเช่น "ผู้รวมกลยุทธ์ Uniswap" ในตลาดในอนาคต เช่นเดียวกับ Yearn "ผู้รวมกลยุทธ์ Uniswap" เหล่านี้จะรวมเงินฝากรายย่อยแล้วแจกจ่ายรายได้ให้กับพวกเขา ในทางกลับกัน บรรลุความสมดุลของต้นทุน อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้ไม่สะดวกในทางปฏิบัติ!

สิ่งนี้นำฉันไปสู่ ​​NFT ตอนนี้ตำแหน่ง NFT ทั้งหมดเป็นเหมือนเกล็ดหิมะ ไม่มีใครเหมือนกัน NFT แต่ละรายการมีขีดจำกัดราคาที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่โทเค็นที่ใช้ร่วมกันได้อีกต่อไป เมื่อมองย้อนกลับไปที่ Uniswap V3 คุณคิดว่า Uniswap V3 ทุกตำแหน่งเป็นเหมือน NFT หรือไม่?

ความคิดแรกของฉันคือ: โอ้ อนุพันธ์ Uniswap กำลังจะมา ในอนาคต คุณอาจไม่สามารถยืมโทเค็น Uniswap บน MakerDAO หรือ Aave ได้ง่ายๆ เนื่องจากทุกตำแหน่ง Uniswap นั้นแตกต่างกัน แน่นอนว่าอาจยังมีประโยชน์หากมีคนตั้งค่าสถานะตำแหน่ง Uniswap LP ทั่วไป (อาจผ่านหนึ่งในผู้รวบรวม) แต่นั่นจะกระจายสภาพคล่องออกไป

ความคิดที่สองของฉันคือ: เดี๋ยวก่อน สิ่งนี้จะไม่รบกวนโปรแกรมการขุดสภาพคล่องหรือไม่ เนื่องจากตอนนี้ Uniswap NFT ไม่ได้พิสูจน์ว่าคุณกำลังให้สภาพคล่องใดๆ อยู่จริง ตัวอย่างเช่น ฉันสามารถสร้างคำสั่งจำกัดที่อุกอาจจริงๆ เพื่อที่ราคาจะไม่ตกอยู่ในช่วงนั้น ดังนั้นฉันจึงไม่ควรได้รับรางวัลการขุดสภาพคล่อง

ในความเป็นจริง การขุดสภาพคล่องมีบทบาทชี้ขาดในเหตุผลที่ Uniswap สามารถบรรลุสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ โชคดีที่มีวิธีแก้ปัญหาดังกล่าวข้างต้น: คุณไม่สามารถให้ผู้ใช้สมัครสมาชิกผ่าน Uniswap จากนั้นให้รางวัลแก่ผู้ใช้ที่มี LP NFT เท่านั้น โมเดลนี้ไม่ถูกต้อง แต่พวกเขาต้องฝากเงินใน Uniswap ผ่านสัญญาที่ใช้ร่วมกันซึ่งระบุช่วงราคาที่เหมาะสม (เช่น $80-120) และตรวจสอบให้แน่ใจว่ามูลค่านั้นถูกต้องตลอดเวลา โดยอาจต้องมีการรีเซ็ตเป็นครั้งคราวหากราคาตลาดกลางลดลง ตั้งค่า ช่วงราคาใหม่

กลไกนี้ยังช่วยให้การทำตลาดที่รองรับโปรโตคอลทำได้ง่ายขึ้น เนื่องจาก Fei ได้ทำสำเร็จแล้ว! (ฉันชอบที่จะเห็น @MakerDAO ลองทำสิ่งนี้ด้วย เช่น การฝากในสถานะ Uniswap LP บน DAI โดยใช้ขอบเขตราคาที่จำกัดประมาณ $1) จริงๆ แล้ว มีแนวคิดดีๆ มากมายที่สามารถต่อยอดได้ที่นี่

กลุ่มสภาพคล่องของ Uniswap ทุกกลุ่มมาพร้อมกับค่าธรรมเนียมที่ปรับได้ (Uniswap จะกิน Curve) และสิทธิ์ป้องกันการ fork ที่ "น่ารัก"