Odaily แพลนเน็ต เดลี่ ก่อนหน้านี้ OpenAI วางแผนที่จะเปลี่ยนผ่านไปเป็นองค์กรเพื่อแสวงหาผลกำไร แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ได้ตัดสินใจว่าแผนกไม่แสวงหาผลกำไรจะยังคงควบคุมองค์กรเพื่อแสวงหาผลกำไรนี้ต่อไป หน่วยธุรกิจของ OpenAI ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรไม่แสวงหากำไรตั้งแต่ปี 2019 จะถูกเปลี่ยนเป็นบริษัทสาธารณประโยชน์ (PBC) องค์กรไม่แสวงหากำไรจะเข้ามาควบคุม PBC และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
OpenAI ก่อตั้งขึ้นเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และปัจจุบันอยู่ภายใต้การควบคุมและกำกับดูแลขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไรดังกล่าว Bret Taylor ประธานคณะกรรมการ OpenAI เขียนในแถลงการณ์บนบล็อกของบริษัท ต่อไปนี้จะยังคงอยู่ภายใต้การกำกับดูแลและควบคุมโดยองค์กรไม่แสวงหากำไรต่อไป
OpenAI กล่าวว่าได้ตัดสินใจดังกล่าวหลังจากรับฟังผู้นำชุมชนและพูดคุยอย่างสร้างสรรค์กับสำนักงานอัยการสูงสุดของรัฐเดลาแวร์และสำนักงานอัยการสูงสุดแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย OpenAI ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 โดยเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร แต่ได้เปลี่ยนแปลงเป็นองค์กรแสวงหากำไรจำกัดในปี 2019 และกำลังพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นองค์กรแสวงหาผลกำไรอีกครั้ง หลังจากเปลี่ยนผ่านไปสู่การทำกำไรที่จำกัด OpenAI ยังคงรักษาแผนกที่ไม่แสวงหากำไรไว้ ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นควบคุมในแผนกองค์กรของ OpenAI
OpenAI กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการระดมทุนที่จำเป็นสำหรับการเติบโตของธุรกิจ และบริษัทจะยังคงสถานะเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรและจัดสรรทรัพยากรเพิ่มเติมให้กับโครงการการกุศลในด้านต่างๆ เช่น สุขภาพ การศึกษา และวิทยาศาสตร์
เป็นที่เข้าใจกันว่าในการแลกกับการควบคุมหุ้นในบริษัทของ OpenAI นั้น OpenAI จะได้รับรายได้นับพันล้านดอลลาร์ ในขณะเดียวกัน ความเสี่ยงก็ยังคงสูงสำหรับ OpenAI ซึ่งจำเป็นต้องเสร็จสิ้นการเปลี่ยนผ่านเพื่อแสวงหากำไรภายในสิ้นปีนี้หรือปีหน้า มิฉะนั้นก็เสี่ยงที่จะต้องสูญเสียเงินบางส่วนที่ระดมทุนมาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ยังไม่ชัดเจนว่า OpenAI จะต้องเผชิญกับผลที่ตามมาอย่างไรหากเปลี่ยนทิศทาง Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI เผยแพร่จดหมายถึงพนักงานเมื่อวันจันทร์ โดยระบุว่าในที่สุดแล้ว OpenAI อาจต้องใช้เงินหลายล้านล้านดอลลาร์เพื่อบรรลุเป้าหมายในการทำให้บริการของบริษัทสามารถเข้าถึงได้อย่างกว้างขวางสำหรับมวลมนุษยชาติ
